นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ (พ.ศ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การดำเนินการเพื่อรองรับการโอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปออมต่อเนื่องในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ)
โดยสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งเงินหรือผลประโยชน์นั้นคำนวณจากเงินที่ลูกจ้างโอนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้วได้คงเงินไว้ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจนตาย ทุพพลภาพ หรืออายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ไม่ว่าเป็นเงินที่รับโอนมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยตรง หรือรับโอนมาจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพอื่นที่เงินทอดแรกเป็นเงินที่ได้รับโอนมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
"กำหนดให้เงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ผู้มีเงินได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ โดยหน่วยลงทุนดังกล่าวได้จากการโอนหรือเกี่ยวเนื่องจากการโอนมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรม เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ได้ขายหน่วยลงทุนนั้นเมื่อมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์และมีระยะเวลาการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเชี้ยงชีพรวมกับระยะเวลาการถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมฯแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป" นายกอบศักดิ์ กล่าว
สำหรับการดำเนินการดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณอายุอย่างต่อเนื่องผ่านระบบกองทุน รวม อีกทั้งช่วยเพิ่มทางเลือกแก่ผู้ออมให้สามารถได้รับผลตอบแทนจากการออมเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รองรับสังคมผู้สูงอายุ และช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐบาลในการดูแลผู้สูงอายุในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ถือหน่วยลงทุนอยู่ในกองทุน RMF ประมาณ 6 แสนราย