ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องคดีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) และกองทุนรักษาระดับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้องนายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการ ธปท. กรณีละเมิดจากกรณีออกคำสั่งทำธุรกรรมใช้เงินทุนสำรองไปปกป้องค่าเงินบาท (สวอป) เพื่อปกป้องค่าเงินบาท เมื่อครั้งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจากการลอยตัวค่าเงินบาทในปี 40 อันเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเรียกค่าเสียหาย เป็นเงินจำนวน 186,015,830,720 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 พ.ค.48 ให้นายเริงชัย ใช้เงิน 185,953,740,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.2541 แก่ ธปท.ในฐานะโจทก์ที่ 1 และยกฟ้องกองทุน ฯ โจทก์ที่ 2 เนื่องจากไม่มีหน้าที่ทำธุรกรรมค่าเงินบาท
แต่ต่อมานายเริงชัย ได้ยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 2 พ.ย.53 พิพากษากลับให้ยกฟ้องนายเริงชัย เนื่องจากเห็นว่า การกระทำของนายเริงชัยขณะนั้นไม่ได้เป็นการกระทำโดยประมาท แต่เป็นไปตามวิสัยที่เกิดขึ้นขณะนั้นตามความเหมาะสม และการพิจารณาถึงมาตรการใด ๆ ก็ได้หารือในคณะ ไมใช่การตัดสินใจด้วยความประมาทเลินเล่อเพียงลำพัง