นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปีนี้มีแนวโน้มการฟื้นตัวขึ้น หลังจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง ส่งผลให้ยอดขายรวมของทั้งตลาดในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้น โดยตลอดระยะเวลามาตรการดังกล่าวพบว่ามียอดโอนกรรมสิทธิ์ 130,000 หน่วย เพิ่มขึ้นทั้งโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม ถือว่าเป็นการเติบโตมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
"ช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมองภาพรวมตลาดอสังหาฯ ยังมีสัญญาณบวก แม้ภาครัฐจะยังไม่มีมาตรการกระตุ้นออกมาช่วงนี้ แต่ภาคเอกชนเริ่มเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นความต้องการของผู้ซื้อ"นายวิสุทธิ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ปัจจัยที่ช่วยหนุนการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ มาจากการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานและคมนาคมของรัฐบาลที่เดินหน้าสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางต่อขยายและเส้นทางใหม่ โดยในกรุงเทพฯ มี 12 เส้นทาง และในภูมิภาคอีก 15 เส้นทาง ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างไปเมื่อปลายปี 58 และโครงการส่วนใหญ่จะแล้วเสร็จในปี 64 ทั้งนี้ เส้นทางคมนาคมจะเริ่มทยอยสร้างและเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง อันเป็นตัวผลักดันการขยายตัวของเมืองออกไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
รมช.คลัง กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ, พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกา และคาดว่าจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ภายในเดือนต.ค.นี้ และคาดจะประกาศใช้ในปี 60
โดยในปัจจุบันเกณฑ์การจัดเก็บยังมีอัตราไม่สูงมาก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นนโยบายการเบิกจ่ายภาครัฐในไตรมาส 4/59 ให้ไม่น้อยกว่าไตรมาสเดียวกันปีก่อน เพื่อรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี รวมไปถึงภาคการเกษตรกลับมาฟื้นตัวได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น
"อยากจะบอกผู้ประกอบการว่าไม่ต้องตกใจกับ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะรัฐบาลต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีปัจจัยสี่ โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะประชาชนประมาณ 95-97% มีบ้านราคาไม่ถึง 50 ล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นบ้านหลังแรก แต่การที่เราจะเก็บคนที่มีบ้านมากกว่า 50 ล้านบาท และมากกว่า 1 หลัง เพราะรัฐบาลต้องการลดความเหลื่อมล้ำไม่ได้หวังมุ่งเน้นรายได้" นายวิสุทธิ์ กล่าว