นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายแจ็ค หม่า ประธานกลุ่มบริษัท Alibaba ว่า ทางบริษัท Alibaba ไม่ได้ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพียงแต่จะเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และสตารท์อัพ ซึ่งเป็นการยกระดับการเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยเน้นใช้เทคโนโลยีและดิจิตอล เนื่องจากบริษัท Alibaba มีความเชี่ยวชาญธุรกิจ SMEs และสตาร์ทอัพ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ผลักดันธุรกิจขนาดเล็กในจีนและอีกหลายประเทศให้ประสบความสำเร็จมาแล้ว จึงอยากจะเข้ามาช่วยเหลือ SMEs และสตาร์ทอัพของไทย เพราะปัจจุบันธุรกิจที่อยู่ไทย 90% เป็นธุรกิจ SMEs จึงต้องผลักดันให้ธุรกิจเหล่านี้โอกาสค้าขายในต่างประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังต้องการอบรมนักธุรกิจไทยให้เข้าใจวิธีการค้าขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ส เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับเด็กรุ่นใหม่ เข้าใจวิธีการขาย ซึ่งบริษัท Alibaba เคยทำในจีนและประสบความสำเร็จมาแล้ว
นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด แบ่งเป็นคณะทำงานของไทย และคณะทำงานจากบริษัท Alibaba เพื่อวางแผน หรือ Action plans ร่วมกันให้เสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี ภายในปี 2560 ซึ่งทางบริษัท Alibaba ต้องการเชิญชวนให้รัฐบาลไทยและผู้ประกอบการไปดูงานบริษัทในจีนที่มีการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในยุคดิจิตอล และวิธีการที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ พร้อมกับส่งเสริมสถาบันการศึกษาและชุมชนให้เข้าใจวิธีการทำธุรกิจในยุคดิจิตอล
นอกจากนี้ นายแจ็ค หม่า ยังสนับสนุนที่ไทยผลักดันโครงการระบบการชำระเงินผ่านอิเลคทรอนิกส์ หรือ E-Payment เพราะไม่เพียงแต่จะลดการใช้เงินสดในอนาคต แต่จะช่วยเก็บข้อมูลของลูกค้าถึงความต้องการสินค้า สามารถนำมาพัฒนาสินค้าและธุรกิจให้เหมาะสมกับความต้องการมากขึ้น โดยบริษัท Alibaba ยินดีจะให้คำแนะนำกับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยไม่ให้ระบบมีข้อบกพร่องหรือเกิดการฉ้อฉลได้ พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสนับสนุนนักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น
ขณะเดียวกันยังสนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC โดยนายแจ็ค หม่า ต้องการจะปรับไอเดีย สร้างการจัดตั้งเขตการค้าเสรี หรือ FTA สำหรับธุรกิจ SMEs เพื่อปลอดภาษีอากรนำเข้า-ส่งออก และสร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของ SMEs จากปัจจุบันที่จะทำ FTA เฉพาะธุรกิจรายใหญ่เท่านั้น