พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงราคาข้าวเปลือก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่มีราคาตกต่ำว่า รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาข้าวแบบยั่งยืน โดยเริ่มตั้งแต่ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ข้าวไม่ได้ปลูกแค่ประเทศไทยเพียงประเทศเดียว ประเทศอื่นก็มีการปลูกเช่นกัน ดังนั้นระบบที่จะทำให้ข้าวราคาไม่ตกต่ำ ต้องเริ่มจากภาครัฐ ร่วมกับภาคเอกชน และเกษตรกร ซึ่งวงรอบการปลูกจะต้องมีความชัดเจนสอดคล้องกับระบบการบริหารจัดการน้ำ การปลูกพืชอย่างอื่นทดแทน หรือการใช้ระบบเกษตรผสมผสาน การปศุสัตว์ การปลูกพืชน้ำน้อย เพื่อทำให้ข้าวมีปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลให้ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่จะพึงพอใจ โดยที่ผ่านมาทุกภาคส่วนรู้มาตลอดว่า เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะมีปริมาณข้าวออกมามาก รัฐบาลจึงได้กำหนดโครงการต่างๆ ออกมา โดยเฉพาะการชะลอไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดเร็วเกินไป รัฐบาลสนับสนุนในด้านของสินเชื่อ เพื่อไปดำเนินการในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นการแก้ปัญหาข้าวอย่างยั่งยืน
รัฐบาลคิดแผนในระยะยาวทุกๆ ด้าน ไม่ได้คิดเพียงว่า ให้เงินลงไป ถ้าเป็นแบบนั้นถือเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกษตรกรอาจถูกใจที่ได้เงิน แต่ระบบเศรษฐกิจในภาพรวมประเทศเสียหาย เพราะอย่าลืมว่า ประเทศไทยมีอีกหลายปัญหาที่ต้องทำ และแก้ไขควบคู่กันไป
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มีเกษตรกรบางส่วนพยายามช่วยเหลือตัวเอง โดยการขายข้าวโดยตรงไม่ผ่านผู้ประกอบการ บางคนใช้เทคโนโลยีโดยการขายแบบออนไลน์ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบ และขอบคุณ พร้อมให้กำลังใจ แต่ก็มีกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีบอกว่าการขายตรงดังกล่าว ผิดกฎหมายเรื่องการขายตรง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยืนยันว่าไม่ผิดกฎหมาย สามารถทำได้
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 31 ต.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบาย และบริหารจัดการข้าว (กนข.) โดยคาดว่าจะมีมาตรการอื่นออกมาเพิ่มเติม เพื่อทำให้ระดับราคาข้าว อยู่ในเกณฑ์ที่เกษตรกรพึงพอใจ ส่วนมาตรการต่าง ๆ จะออกมาอย่างไร รวมทั้งจะแก้ปัญหาราคาข้าวเปลือก ที่มีคนออกมาระบุว่าราคากิโลกรัมละ 5 บาทนั้น คงต้องผลสรุปการประชุมที่จะมีขึ้นในวันดังกล่าว