นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.99/35.01 บาท/ดอลลาร์ ใกล้ เคียงจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.00/35.03 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ คาดว่าตลาดยังรอผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ โดยระหว่างนี้ยังไม่มีปัจจัยอื่นๆ ที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของ ค่าเงินมากนัก
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.80-35.10 บาท/ดอลลาร์
- ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.05 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 104.70 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0950 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0973 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,495.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.28 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 40,894 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,458.50 ลบ.(SET+MAI)
- ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็น
ประธานวันนี้อนุมัติให้ส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการในกลุ่มต่างๆ จำนวน 13 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 63,440 ล้านบาท มี
มูลค่าที่เกิดจากการใช้วัตถุดิบในประเทศรวมกว่า 15,220 ล้านบาทต่อปี
- เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มั่นใจว่ายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปีนี้ จะสามารถทำได้
ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 5.5 แสนล้านบาทแน่นอน โดยล่าสุด มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.59)
แล้วจำนวน 1,095 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 3.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 150% โดยแนวโน้ม
ยังขยายตัวสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังมีความเชื่อมั่น โดยเฉพาะการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์
เครื่อมือแพทย์ อากาศยาน เป็นต้น
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ก.ย.59 อยู่ที่ 107.77
ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ MPI เป็นบวก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ,
เครื่องปรับอากาศ, Semiconductor & IC เครื่องใช้ไฟฟ้า และเยื่อกระดาษ กระดาษและกระดาษแข็ง โดยภาพรวมมีอัตราการ
ใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 65.23% จากระดับ 65.79% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงสถานการณ์การออมของประเทศในขณะนี้ว่า อัตราการออมมีการเติบโตที่ลด
ลง โดยในปีล่าสุดอยู่ที่ 11% ต่อ GDP ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2552-2553 ซึ่งอยู่ที่ 16% ต่อ GDP ทั้งนี้ เป็นผลมาจากรายได้ของ
ประชาชนที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากสถานการณ์การออมยังอยู่ในระดับที่
สูงกว่าการลงทุนของประเทศ โดยปัจจุบันการออมของประเทศ คิดเป็น 33% ต่อ GDP ต่อไตรมาส ขณะที่การลงทุนคิดเป็น 25% ต่อ
GDP ต่อไตรมาสเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวสะท้อนได้ชัดเจนว่าปัจจุบันประเทศไทยยังมีสภาพคล่องในระบบค่อนข้างสูง
- แถลงการณ์ของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) เปิดเผยว่า จีนจะดำเนินนโยบายการคลังในเชิง
รุก และเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบรอบคอบต่อไป เพื่อสร้างเสถียรภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการปฏิรูป โดย
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่การปฏิรูปเชิงโครงสร้างก็มีความ
คืบหน้ามากขึ้น เห็นได้จากการที่อุตสาหกรรมไฮเทคที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาคบริการขยายตัวแข็งแกร่ง ตลาดการเงินมี
เสถียรภาพ และการจ้างงานที่ดีเกินคาด
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขยายตัวเพียง
0.7% เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตซบเซา ซึ่งเป็นผลมาจากการยุติการผลิต Galaxy Note 7 และการนัดหยุดงานของแรงงาน
บางส่วนในภาคการผลิตรถยนต์ระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนเดือน ก.ย.ของเกาหลีใต้ ยังร่วงลงหนักสุดในรอบ
67 เดือน นับตั้งแต่ ก.พ.54 อันเนื่องจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมการผลิต และการก่อสร้าง
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดฉากการประชุมในวันนี้เป็นวันแรก ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า BOJ อาจจะเลื่อน
กรอบเวลาในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ออกไปเป็นช่วงปีงบประมาณ 2561 หรือหลังจากนั้น จากกรอบเวลาเดิมในปีงบ
ประมาณ 2560 โดยแหล่งข่าวเผยว่า BOJ มีแนวโน้มที่จะคงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ในการประชุมเดือน ก.
ย. ซึ่ง BOJ ได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเป้าหมายด้านนโยบายด้วยการหันมาควบคุมผลตอบแทนพันธบัตร แทนที่จะใช้มาตรการผ่อนคลาย
เชิงปริมาณ โดยมีเป้าหมายที่จะเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2%
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--