(เพิ่มเติม1) นายกฯ เผย นบข.นัดพิเศษเช้านี้ปรับสินเชื่อชะลอขายข้าวเป็นตันละ 13,000 บาท

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 1, 2016 15:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) นัดพิเศษเช้าวันนี้มีมติกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกนาปี เป็นตันละ 13,000 บาท เพิ่มจากการประชุม นบข.วานนี้กำหนดที่ 11,525 บาท/ตัน ซึ่งประกอบด้วย ค่าข้าวเปลือก เงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงข้าว และค่าเก็บรักษาข้าวไว้ในยุ้งฉาง

สำหรับเกษตรกรที่ไม่มียุ้งฉางไม่เข้าร่วมโครงการนี้สามารถขายได้ในราคาตลาด โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวข้าวปรับปรุงคุณภาพโดยธกส.โอนเงินเข้าบัญชีในอัตราตันละ 2,000 บาท

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม นบข.นัดพิเศษอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/60 โดยปรับราคาตลาดที่จะดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวจาก 9,700 บาท/ตัน เป็น 11,000 บาท/ตัน ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วในวันนี้

"เมื่อวานนี้หลังประชุม นบข.รอบแรกเสร็จได้มีการลงพื้นที่ ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย พบว่าราคาข้าวมีราคาตั้งแต่ 9,700-12,000 บาท เมื่อเช้านี้ นบข.จึงมีการประชุมนัดพิเศษ" นางอภิรดี กล่าว

ทั้งนี้ กำหนดราคาที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะรับจำนำที่ยุ้งฉางที่ 9,500 บาท/ตัน หรือคิดเป็น 90% ของราคาตลาดที่ 11,000 บาท/ตัน ไม่เกินรายละ 15 ไร่ โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ เนื่องจากมีความชื้นสูงในอัตราตันละ 2,000 บาท และค่าขึ้นยุ้งฉางและเก็บรักษาอีกตันละ 1,500 บาท โดยจะได้รับทันทีตันละ 1,000 บาท ส่วนอีก 500 บาทจะได้รับเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน

ส่วนเกษตรกรที่ไม่มียุ้งฉางจะหักค่าเก็บรักษาออกไป

สำหรับระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 เดือน เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 28 ก.พ.60 เป้าหมายเป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าวหอมมะลิ 2 ล้านราย พื้นที่เพาะปลูกประมาณ 26 ล้านไร่ ใช้วงเงินราว 2 หมื่นล้านบาท

"ราคาข้าวจะนำมาเป็นราคากลางนั้นจะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมหากมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็กำหนดไว้ที่ตันละ 9,700 บาท" นางอภิรดี กล่าว

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวได้มีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ซึ่งสามารถทำได้ เพราะไม่ได้เป็นการจำนำข้าวทุกเมล็ดและไม่ใช่การนำข้าวที่ได้จากโครงการไปเก็บในคลังของรัฐ โดยหวังว่ามาตรการนี้จะทำให้ชาวนาพอใจในระดับหนึ่งและทำให้ราคาข้าวในตลาดปรับดีขึ้น แต่อยากให้เห็นใจรัฐบาลที่มีงบประมาณจำกัดและขณะนี้ก็มีผลกระทบหลายด้าน ทั้งจากปัญหาน้ำท่วม และปริมาณความต้องการข้าวลดลง

"การจะทำให้ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นแต่ทำผิดกฎหมายรัฐบาลไม่สามารถทำได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร และต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ รวมทั้งโรงสีต้องโปร่งใสสุจริต ขณะที่ชาวนาต้องมีเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบความชื้นเป็นของตนเอง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบกันให้ได้ราคาที่เป็นธรรม"นายกรัฐมนตรี กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องเข้าใจภาวะตลาดโลกว่าเป็นอย่างไร รวมถึงต้องวางแผนการเพาะปลูกอย่างเหมาะสม มีการทำเกษตรแปลงใหญ่ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเครื่องมือและจัดหาโรงสีขนาดกลางลงไปในแต่ละพื้นที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้สั่งให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงไปสำรวจโรงสีว่ามีสิ่งใดแทรกซ้อนหรือไม่ และขอให้ชาวนาอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน เพราะราคาข้าวที่ตกต่ำในขณะนี้เป็นเพียงข้าวที่เก็บเกี่ยวหนีน้ำ มีความชื้นสูง และไวต่อแสง ซึ่งจะออกผลผลิตในช่วงเดือน ต.ค.ถึง พ.ย.59 ประมาณ 2 ล้านตันเท่านั้น และขอให้ติดตามข้อมูลต่างๆจากรัฐบาล

ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีกลุ่มนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของชาวนานั้น กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูล สำหรับกรณีที่มีการขายข้าวกันเองของชาวนานั้น รัฐบาลไม่ได้ห้ามและไม่มีการจับกุม เพราะถือว่าเป็นการช่วยเหลือตัวเองไปก่อน แต่หากมีการขายเป็นจำนวนมาก ต้องมีการจดทะเบียนให้ถูกต้อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ