พ.ท.หนุน ศันสนาคม กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 -25 พ.ย.นี้ สำนักงานสลากฯ จะเรียกผู้ค้าสลากรายย่อยทั้งหมด 70,000 ราย หรือคิดเป็น 85% ของจำนวนลอตเตอรี่งวดละ 60 ล้านฉบับคู่ มาทำสัญญาใหม่ที่ได้ปรับปรุงเงื่อนไข โดยเฉพาะการกำหนดว่าหากผู้ค้ามีการขายสลากฯ เกินราคา หรือนำไปขายรวมชุด หรือไม่ได้มีการจำหน่ายสลากฯ เอง จะถูกยกเลิกสัญญาทันที ขณะที่ตั้งเป้าหมายเรียกคืนสลากฯ จากผู้ค้าที่ทำผิดสัญญาประมาณ 10,000 ราย หรือคิดเป็นจำนวนสลากฯ เท่ากับ 5 ล้านฉบับคู่
"การทำสัญญาครั้งนี้จะมีความรัดกุมเพิ่มขึ้น หากไม่ได้ขายเอง หรือนำไปขายส่งต่ออยู่ในมือคนอื่น หรือนำไปรวมชุด และขายเกินราคา จะถือว่าผู้ค้ารายย่อยทำผิดสัญญาจะถูกยกเลิกสัญญาทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น" กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าว
ทั้งนี้ การจัดทำสัญญาใหม่ 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.59-1 มิ.ย.60 สำนักงานสลากฯ ยังคงคัดเลือกให้กับผู้ค้ารายเดิม โดยปัจจุบันมีสลากฯ อยู่ในระบบทั้งสิ้น 60 ล้านฉบับคู่ แบ่งเป็นมูลนิธิ องค์กร สมาคมคนพิการที่มีอยู่ 900 องค์กร ในสัดส่วน 15.67% ส่วนรายย่อย 70,000 รายคิดเป็น 85% เป็นผู้ค้าที่ได้รับโควต้า 28.39% และผู้ค้ารายย่อยผ่านโครงการสั่งซื้อ-สั่งจองสลากฯ ล่วงหน้ากับธนาคารกรุงไทยอีก 55.94% ซึ่งยอมรับว่าปัญหาการขายสลากฯ เกินราคาส่วนใหญ่มาจากผู้ค้ารายย่อย ทำให้สำนักงานสลากฯ ต้องปรับเปลี่ยนสัญญาให้ชัดเจนและครอบคลุม
ส่วนโควตาสลากมูลนิธิ องค์กร สมาคมคนพิการ หลังจากที่ได้ทำสัญญาคุณธรรมกันไปแล้ว ภายใต้สัญญาใหม่ ระบุว่าหากพบว่ามูลนิธิ องค์กร สมาคมคนพิการ รายใดที่ปล่อยสลากฯ ให้ตัวแทนไปจำหน่ายแล้วพบว่ามีการขายเกินราคา จะทำหนังสือแจ้งเตือน 2 ครั้ง และหากว่าพบว่ายังขายเกินราคาอีกก็จะยึดโควตาในส่วนที่ทำผิดคืน ขณะเดียวกันจะมีการประสานทีมเฉพาะกิจ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ลงพื้นที่ตรวจสอบทั่วประเทศอย่างเข้มข้น หากพบเจอจะถูกดำเนินการตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดไว้ ที่มีโทษจำคุก 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
พ.ท.หนุน ยอมรับว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีประชาชนร้องเรียนว่าพบปัญหาการขายสลากฯ เกินราคาเป็นจำนวนมากกว่า 1,200 ราย โดยขายตั้งแต่คู่ละ 100-120 บาท นอกจากนี้ยังมีการนำสลากกินแบ่งฯ มารวมชุดที่มีตั้งแต่ 3-15 ฉบับคู่ โดยสำนักงานสลากฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและจับกุมผู้ค้าไปแล้วกว่า 487 ราย มีการยกเลิกสัญญาระบบโควตาแล้ว 153 ราย และตัดสิทธิ์ผ่านโครงการสั่งซื้อ-สั่งจองสลากฯ ล่วงหน้าผ่านธนาคารกรุงไทย 57 ราย
"ทั้งหมดนี้ จะไม่มีโอกาสรับสลากฯ ไปจำหน่ายได้อีกเด็ดขาด ส่วนที่เหลือจะถูกขึ้นบัญชีดำไว้ และห้ามเข้ามาเกี่ยวข้องกับสำนักงานสลากฯ โดยยืนยันว่าการตรวจสอบครั้งนี้จะไม่กระทบผู้ขายจริงที่ขายในราคาคู่ละ 80 บาท" พ.ท.หนุน กล่าว
ด้าน พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า สำนักงานสลากฯ ได้ปรับวันรับสลากฯ จอง โดยเลื่อนให้ช้าลงอีก 5 วัน จากเดิมปกติรับสลากฯ จองวันที่ 2, 17 ของทุกเดือน เปลี่ยนมาเป็นวันที่ 7, 22 ของทุกเดือนแทน เพราะเป็นวันสุดท้ายในการจำหน่ายสลากฯ ของวังสะพุง ทำให้รายย่อยที่รับสลากฯ ไปจะไม่สามารถขายต่อเพื่อนำไปรวมชุดได้ทัน และจะมีเวลาเหลือขายสลากฯ ต่องวดแค่ 9 วันเท่านั้น
"การลดและเลื่อนเวลารับสลากฯ เพื่อให้มีเวลาจำหน่ายให้น้อยลง อาจจะช่วยแก้ไขปัญหาในการรวมชุด และขายส่งที่ทำได้ยากมากขึ้น มาตรการนี้จะมีผลทันทีในการออกสลากฯ งวดวันที่ 1 ธ.ค. ที่จะเปิดให้จองวันที่ 3 พ.ย.นี้ ซึ่งจะได้รับสลากวันที่ 22 พ.ย. และหากพบว่าตลาดมีการเลื่อนวัน ทำให้มีเวลาขายรวมชุดได้อีก ก็จะสามารถเปลี่ยนวันรับจองออกไปได้อีก จนกว่าปัญหาจะหมดไป" พล.ต.ฉลองรัฐ กล่าว