นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม Doing Business ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือหลังจากธนาคารโลกเปิดรายงาน Doing Business 2017 จัดลำดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ ซึ่งไทยได้อันดับ 46 จากทั้งหมด 190 ประเทศ ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา 3 อันดับ โดยตั้งเป้าว่าการประเมินในปีหน้าจะต้องได้อันดับที่ดีขึ้น คาดหวังให้ไทยติดอยู่ใน 30 อันดับแรกให้ได้
ทั้งนี้ นายสมคิด ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานให้ไปวิเคราะห์จุดอ่อนและสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไข รวมถึงการลดขั้นตอนต่างๆ ใน 10 ด้านที่สำคัญ ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลัง ยังมีปัญหาเรื่องการชำระภาษีที่ยังมีความซ้ำซ้อนของหลายหน่วยงาน จึงได้มอบหมายให้ทางกระทรวงไปปรับปรุงให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจกับภาคเอกชนถึงการสื่อสารในสิ่งที่ทางการได้มีการปรับปรุง เพื่อให้ธนาคารโลกเกิดความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
รองนายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ทำแผนงานให้แล้วเสร็จ และรายงานความคืบหน้ามาให้รับทราบภายในเดือน ม.ค.60 เพื่อจะได้มีการพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อย ก่อนที่จะนำเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พิจาณาในช่วงเดือน พ.ค.60 ต่อไป
สำหรับสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขทั้งในเรื่องของการออกระเบียบการก่อสร้างต่างๆ การปรับปรุงกฎหมายด้านภาษี และการปฏิรูประบบการจดทะเบียนการจัดตั้งบริษัทให้เป็นรูปแบบ One Stop Service นั้น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) จะเป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามงานแต่ละด้าน และจะเตรียมเชิญธนาคารโลกให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา เพื่อช่วยชี้จุดอ่อน จุดแข็ง และเสนอแนะทางออก เพื่อช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด