นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานว่า ที่ประชุมอนุมัติงบประมาณราว 1.8 หมื่นล้านบาทในโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 59/60 โดยเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.)
สำหรับข้าวเปลือกเจ้า เกษตรกรจะได้รับเงินทั้งหมด 10,500 บาท แบ่งเป็น วงเงินสินเชื่อ 7,000 บาทต่อตัน ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 2,000 บาทต่อตัน และค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉาง 1,500 บาทต่อตัน
ขณะที่ข้าวหอมปทุมธานี เกษตรกรจะได้รับเงินทั้งสิ้น 11,300 บาทต่อตัน แบ่งเป็น วงเงินสินเชื่อ 7,800 บาทต่อตัน ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 2,000 บาทต่อตัน และค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉาง 1,500 บาทต่อตัน โดยกำหนดรายละไม่เกิน 15 ไร่ ระยะเวลาดำเนินการ 5 เดือน
"คาดการณ์มีเกษตรกรกว่า 7 แสนครัวเรือนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคกลางได้รับประโยชน์ โดยขอให้เกษตรกรไปขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรกร ซึ่งคาดการณ์ปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกเจ้าที่สีเป็นข้าวสารจะมีประมาณ 9 ล้านตัน และปริมาณข้าวหอมปทุมธานีที่สีเป็นข้าวสารอีกประมาณ 4 ล้านตัน รวมกว่า 13 ล้านตัน"
สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว จะมีการขยายตลาดเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งจะมีการจัดงานเชิญผู้ซื้อข้าวจากทั่วโลกกว่า 100 ราย มาเจรจาซื้อขายข้าวจากไทยในวันที่ 13-16 พ.ย.นี้ ขณะเดียวยังส่งเสริมให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตด้วยการรวมตัวทำโครงการนาแปลงใหญ่ ซึ่งขณะนี้แล้วกว่า 1 ล้านไร่
ด้าน น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า งบประมาณที่ใช้โครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 59/60 สำหรับข้าวเปลือกเจ้า และข้าวปทุมธานี ใช้งบประมาณรวม 18,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่ามาตรการนี้จะไม่ทำราคาข้าวตกไปมากกว่านี้ ซึ่งปริมาณข้าวขาวและข้าวหอมปทุมธานีมีปริมาณน้อยกว่าปีทีผ่านมา และการช่วยเหลือครั้งนี้มีปริมาณไม่มาก และไม่ใช่เป็นการจำนำทุกเมล็ด และหากถึงช่วงเวลาที่ให้เกษตรกรไถ่ถอน หากไม่มาไถ่ถอน ทางธนารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสหกรณ์การเกษตรจะช่วยระบายในส่วนนี้ และทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการหาช่องทางให้ผู้ส่งออกรับซื้อข้าวด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมไม่ได้มีการการหารือการช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียว ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวเหนียวยังอยู่ในระดับที่ดี ที่ประมาณ 11,700-14,000 บาทต่อตัน ซึ่งทางกระทรวงยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด