โดยหากสนช.พิจารณาแล้วเสร็จทั้งกระบวนการภายในเดือนธ.ค.นี้ ก็เชื่อว่าจะทำให้การเปิดประมูลแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมเอราวัณและบงกช ที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 65-66 นั้นเป็นไปตามเป้าหมายเดิมภายในเดือนมี.ค.60 และเชื่อว่ากระบวนการทั้งหมดในการหาผู้ดำเนินการจะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ หรือภายในปีหน้า แต่หากมีความล่าช้าออกไปมาก ก็อาจทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในการลงทุน และจะทำให้การขุดเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีความล่าช้าออกไป
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นได้มอบหมายให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเจรจาเพื่อขอความร่วมมือกับบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานในแหล่งบงกช และกลุ่มเชฟรอนฯ ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานแหล่งเอราวัณ เพื่อขอให้รักษาระดับการผลิตน้ำมันเพื่อไม่ให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติลดน้อยลง
"ให้กรมเชื้อเพลิงไปพูดคุยกับผู้ประกอบการเพื่อให้คงการผลิตเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ เอกชนก็เข้าใจและก็อยากให้รัฐบาลดำเนินการตามแผน ส่วนตัวก็คาดว่าน่าจะเปิดประมูลได้ในเดือนมีนาคมปีหน้า"พล.อ.อนันตพร กล่าว
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า การเปิดประมูลใหม่สำหรับปิโตรเลียมที่จะหมดอายุลงทั้ง 2 แหล่งนั้น จะอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ ที่จะมี 3 แนวทางพิจารณา ได้แก่ ระบบสัมปทาน,ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) และระบบจ้างผลิต
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่นั้น ขณะนี้ยังรอความเห็นจากคณะกรรมการไตรภาคีซึ่งยังไม่มีออกมา ส่วนการพิจารณาเกี่ยวกับการประมูลโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) รอบที่ 3 ที่กลุ่มกัลฟ์ เป็นผู้ชนะการประมูลรายเดียว กำลังการผลิตรวม 5 พันเมกะวัตต์นั้น ล่าสุดคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้ส่งเรื่องมาให้กระทรวงแล้วโดยให้กระทรวงพิจารณาตามหลักการ ซึ่งคงจะมีการหารือกับกลุ่มกัลฟ์ฯต่อไป ก็คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 60