รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโคงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ได้รับความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอ ครม.คณะพิเศษ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ไปประกอบการพิจารณา จากนั้นส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อนเสนอ สนช.ต่อไป
สาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว กำหนดให้มีกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองการจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้มีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยให้กองทุนสนับสนุนฯ เป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และ รมว.คลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย
กำหนดให้เงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อการสนับสนุนฯ ประกอบด้วย 2 บัญชี คือ บัญชีที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองการจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับความคุ้มครอง โดยจะมีเงินทุนตั้งต้นซึ่งรัฐบาลจัดสรรให้เป็นเงินสำรองจำนวน 9 พันล้านบาท จากเงินผลประโยชน์ตอบแทนจากกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์
และบัญชีที่ 2 มีวัตถุประสงค์ให้เป็นเงินสำรองของกองทุนเพื่อการสนับสนุนเพื่อจ่ายสมทบให้กับบัญชีที่ 1 ตามจำนวนที่จ่ายออกไปเพื่อคุ้มครองการจ่ายผลตอบแทน โดยเงินหรือทรัพย์สินของบัญชีที่ 2
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เงินและทรัพย์สินของบัญชีที่ 2 ไม่เพียงพอสำหรับการจ่ายสมทบให้แก่บัญชีที่ 1 โดยไม่สามารถหาเงินแหล่งอื่นได้ รัฐพึงจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้แก่บัญชีที่ 2
"กำหนดให้มีคณะกรรมการ และแผนงานลงทุน 9 พันล้านบาทว่าเอาไปทำอะไรบ้าง อีกทั้งให้มีการจัดตั้งสำนักงานกองทุนฯ" นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ กล่าว