นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องจากมติ ครม.เมื่อปี 57 ที่กำหนดให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินทั้งธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ วงเงิน 25,000 ล้านบาท ซึ่งมีธนาคารเข้าร่วม 12 แห่ง เป็นธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 4 แห่ง โดย ณ วันที่ 6 ต.ค.59 มีวงเงินเบิกใช้จำนวน 18,971 ล้านบาท และยังคงเหลืออีก 6,029 ล้านบาท ดังนั้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้จึงมีมติอนุมัติให้ธนาคารออมสินสามารถใช้วงเงินที่ยังคงเหลืออยู่นี้ปล่อยกู้โดยตรงให้แก่ผู้ประกอบการ โดยมีเงื่อนไขหลักเกณฑ์ตามเดิมทุกประการ
ทั้งนี้ การให้ธนาคารออมสินเป็นผู้ปล่อยกู้โดยตรงให้แก่ผู้ประกอบการนั้น จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำได้เพิ่มมากขึ้น และช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สำหรับลูกค้ารายย่อย) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) นั้น ที่ผ่านมา ธอส.มีกรอบวงเงินที่จะปล่อยสินเชื่อไม่เกิน 1,500 ล้านบาท แต่ ณ วันที่ 10 ต.ค.59 พบว่ามีการยื่นขอกู้รวมวงเงิน 1,887 ล้านบาท ซึ่งเกินกรอบวงเงินที่จะปล่อยสินเชื่อไปแล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจึงมีมติขยายกรอบวงเงินสินเชื่อไปเป็น 2,500 ล้านบาท โดยใช้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามเดิม
นายณัฐพร กล่าวว่า การขยายวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยดังกล่าวให้ ธอส.นี้ นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ยังจูงใจให้มีการซื้อที่อยู่อาศัยในพื้นที่ และประชาชนไม่ย้ายถิ่นฐานไปพื้นที่อื่น ซึ่งจะช่วยให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เพิ่มมากขึ้น