นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังร่วมประชุมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และเอกชน 2 กลุ่มที่ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรงว่า ได้เร่งให้ รฟม.ดำเนินการทั้ง 2 โครงการดังกล่าว และจะประกาศชื่อผู้ชนะทั้ง 2 โครงการประมาณต้นเดือนหรือไม่เกินกลางเดือน ธ.ค.นี้ เนื่องจากทั้ง 2 โครงการเป็นกลุ่มแรกที่ดำเนินภายใต้ พ.ร.บ.เอกชนร่วมลงทุนรัฐ พ.ศ. 2556 ในรูปแบบ PPP
"วันนี้พิเศษ ทางคณะกรรมการ รฟม.รับซองจากผู้ยื่นซองทั้งโครงการสายสีชมพูและสายสีเหลือง ที่มีผู้ยื่น 2 ราย จึงขอเชิญท่านเป็นแขกผู้มีเกียรติ และขอบคุณที่ให้ความสนใจที่เข้ามาลงทุนโครงการของรัฐ 2 โครงการมูลค่า 1 แสนล้านบาท และเป็น PPP ภายใต้กฎหมายใหม่ 2 โครงการนี้ถ้าเราทำได้ดี เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ ผมรอมานานแล้ว"นายสมคิด กล่าว
อนึ่ง เอกชน 2 กลุ่มที่เข้ายื่นเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุนทั้ง 2 โครงการ คือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ได้แก่ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) และ กลุ่ม BSR Join Venture ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส (BTS) , บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH)
นายสมคิด กล่าวอีกว่า สำหรับปีงบประมาณ ปี 60 รฟม.มีงบลงทุน 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นโครงการใหม่ 5 โครงการที่จะเร่งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติให้ได้ในเดือน ธ.ค.59 ถึงไตรมาส 1/60 โดย รฟม.เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณสูงสุด และงบปี 60 ขอให้เร่งเบิกจ่ายในไตรมาส 1-2 ให้มาก โดยปีที่แล้ว รฟม.เบิกจ่ายงบได้ทั้ง 100% ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 60 นอกจากโครงการของ รฟม.แล้ว ยังมีโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อีกหลายโครงการ ทั้งโครงการทางคู่และโครงการรถไฟสายสีแดง ดังนั้น จึงจะเป็นปีประวัติศาสตร์ของไทยที่จะมีการลงทุนของภาครัฐเป็นจำนวนมาก เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในเมืองและระหว่างเมือง
นายสมคิด มองว่า การลงทุนโครงการรัฐในปี 60 จะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 60 ที่ดีอยู่แล้วจะดียิ่งขึ้น ประกอบกับ แนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้น
และต่อจากนี้วิธีการบริหารจัดการของรัฐบาลจะเปลี่ยนไป จะไม่รวมศูนย์ที่ส่วนกลาง แต่จะดูภาพรวมทั้ง 76 จังหวัด หรือพิจารณาเป็นกลุ่มจังหวัด เพื่อผลักดันให้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะไม่ใช้วิธีการเดิมที่ดูภาพรวมเศรษฐกิจ (MACRO) ภาพการลงทุน ภาพการท่องเที่ยว รัฐบาลชุดนี้ไม่ต้องการทำอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ หรือย้ำอยู่กับที่
ส่วนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ชนะนั้น ก็ต้องรอดูนโยบายของนายทรัมป์ แต่ผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าคนอเมริกันต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ BTS กล่าวว่า บีทีเอส เตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลระบบรางทุกเส้นทางทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งการที่บีทีเอสเข้าร่วมประมูลทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง เนื่องจากเป็นโครงการอนาคตที่ดี ขณะที่บริษัทมีความสามารถจัดการบริหารทั้งระบบรถและการเดินรถ
นอกจากนั้น ยังมองว่ามีที่ดินตามเส้นทางรถไฟฟ้าอีกมาก ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทร่วมทุนของ BTS และบมจ.แสนสิริ (SIRI) ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ
"BTS ลงทุนรถไฟฟ้า ระบบรางมานานกว่า 20 ปี วันนี้เรารอมานาน เข้าใจและเชื่อมั่นภายใต้การกำกับของรัฐบาลนี้ การมีโครงการใหม่ๆ BTS มั่นใจ และพร้อมลงทุนในทุกๆสาย ในกรุงเทพและต่างจังหวัด"นายคีรี กล่าว
นายคีรี กล่าวว่า กลุ่มบีทีเอสมีความพร้อมด้านการเงิน โดยเงินลงทุนโครงการละ 5 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1 แสนล้านบาท จะนำมาจากส่วนทุน 2.8 หมื่นล้านบาทหรือโครงการละ 1.4 หมื่นล้านบาท ส่วนมี่เหลือนำมาจกเงินกู้ ที่จะใช้ได้ไม่เกิน 2.5 เท่า
นอกจากนี้ กลุ่มบีทีเอสยังได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู จะก่อสร้างเส้นทางเชื่อมเข้าเมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. วงเงินลงทุนไม่เกิน 3 พันล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะก่อสร้างส่วนต่อขยายเชื่อมจากรัชดาเข้าแยกรัชโยธิน ตรงธนาคารไทยพาณิชย์ ระยะทาง 2.6 กม.
ด้านนายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ RATCH กล่าวว่า เหตุผลที่บริษัทเข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าเพราะเห็นว่าธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน มีผลตอบแทนระยะยาวและสม่ำเสมอและโครงการมีประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ในขณะเดียวกันธุรกิจหลักยังอยู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า เพีงแต่ขณะนี้การลงทุนในประเทศล่าช้า ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงมากขึ้น
ส่วนนายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ STEC กล่าวว่า บริษัทได้เข้าร่วมงานประมูลของโครงการรถไฟฟ้าทุกสายของ รฟม.อยู่แล้ว รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 2 กลุ่ม โดยมั่นใจได้ว่าไม่ว่ากลุ่มไหนชนะการประมูล โครงการทั้ง 2 โครงการจะสำเร็จแน่นอน
ด้านนายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) และประธานกรรมการ บมจ.ช.การช่าง(CK) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ BEM กล่าวว่า กลุ่ม CK มีความมั่นใจอย่างมากจะชนะประมูลทั้ง 2 โครงการเพราะได้เตรียมพร้อมมาอย่างดี และหากชนะก็พร้อมดำเนินการได้ทันที ซึ่งกลุ่ม CK จะเข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าทุกโครงการ