TMB คาด“Trump Shocks"กดดันตลาดเงิน-ตลาดทุนผันผวนระยะสั้น เหตุสับสนนโยบายศก.-รอ FED ชัดเจน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 10, 2016 15:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) คาดผลกระทบจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ “Trump Shocks" จะส่งผลให้ตลาดเงินและตลาดทุนไทยผันผวนเพียงระยะสั้น ขณะที่ในระยะยาวเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสเจอกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจนส่งผลให้เฟดต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาด

ภายหลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดออกมาพลิกความคาดหมายของนักวิเคราะห์ โดยไม่เพียงแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 สภาครองเกรสก็ยังตกอยู่ภายใต้การควบคุมเบ็ดเสร็จของพรรครีพับลิกัน ทำให้ตลาดทุนทั่วโลกกังวลกับนโยบายสุดโต่งของนายทรัมป์ หลังจากที่เคยชินกับนโยบายเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ของพรรคเดโมแครตมาเกือบทศวรรษ

แต่หลังจากนายทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ตอบรับชัยชนะ ตลาดกลับคลายกังวลอย่างรวดเร็วมาก ชี้ว่าปรากฏการณ์ “Trump Shocks" อาจส่งผลที่คาดเดาได้ยากและนักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุนช่วงนี้เป็นพิเศษ

ทั้งนี้ Trump Shocks เริ่มปั่นป่วนตลาดทันทีที่คะแนนเสียงของนายทรัมป์เริ่มนำนางคลินตันอย่างชัดเจน ทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงอย่างฉับพลันและเข้าถือสินทรัพยปลอดภัย ทำให้ดัชนีนิเคอิของญี่ปุ่นร่วงรุนแรงถึง 6.63% และเงินเยนแข็งค่า 3.97% เวลาเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยก็ได้ปรับตัวลง 1.47% และบอนด์ยีลด์ลดลงทันที

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลับต้องช็อคอีกระลอกหลังนายทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ตอบรับชัยชนะและเน้นย้ำถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เลวร้ายเหมือนในช่วงหาเสียง ส่งผลให้มีแรงเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหนัก ทำให้ดัชนี S&P500 กลับมาบวกและพันธบัตรสหรัฐเผชิญแรงขายอย่างรุนแรง และในตอนเช้าตลาดเอเชียก็รับอาการช็อคด้วยการกลับมายืนที่จุดเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากปรากฎการณ์ Trump Shocks ศูนย์วิเคราะห์ฯ มองตลาดจะมีความผัวนผวนต่อเนื่องในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนมากยังสับสนกับนโยบายของนายทรัมป์และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความผันผวนในตลาดจะคงอยู่จนกว่านายทรัมป์จะประกาศนโยบายที่แน่ชัดออกมาในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า

ในระยะยาวศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่าสิ่งที่จะกำหนดทิศทางของตลาดทุนไทยที่แท้จริงคือ นโยบายการเงินของเฟด โดยมองผลลัพธ์ออกเป็น 2 กรณี คือ (1) กรณีที่นโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์ได้รับอนุมัติทั้งหมด เชื่อว่าจะก่อให้เกิด Trump Shocks อีกรอบและเงินเฟ้อดีดตัวอย่างชัดเจน อันเป็นผลมาจากนโยบายการค้าและผู้อพยพที่สุดโต่ง ทำให้เฟดจำต้องตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเร็ว โดยคาดว่า จะขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในสิ้นปีนี้ 0.25% และเพียง 2-3 ครั้ง 0.25% ในปีหน้า ซึ่งในกรณีนี้จะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายของเงินทุนโลกเร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงขายทั้งในหุ้นและบอนด์ไทย กดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าได้อีกประมาณ 3% จากสิ้นปีนี้ถึงปีหน้า

(2) กรณีที่นโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์ได้รับการตอบสนองบ้าง แม้เศรษฐกิจจะเติบโตได้น้อยกว่าแต่จะไม่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและระดับหนี้สิน ส่งผลให้เฟดมีโอกาสที่จะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายได้ต่อ โดยคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง ในสิ้นปีนี้และอีก 1 ครั้งในปีหน้า ส่งผลให้ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าเพียงเล็กน้อย 1.5% จากสิ้นปีนี้ถึงปีหน้า

ทั้งนี้ปรากฎการณ์ Trump Shocks ชี้ให้เห็นว่าตลาดการเงินหลังจากนี้นั้นยากที่จะคาดเดาทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจและทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย จากนี้ไปจนถึงปีหน้าคงจะยังมีเรื่องช็อคอื่นอีกนอกจาก Trump Shocks ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การกีดกันทางการค้า การเมืองในยุโรป และปัญหาหนี้เสียในจีน ดังนั้น ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยจึงควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาทและเตรียมตัวรับกับความผันผวนของตลาดที่จะยังมีมากขึ้นเรื่อยๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ