พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเดินทางมาตรวจเยี่ยมกระทรวงการคลังว่า มาให้กำลังใจในการทำงานของกระทรวงการคลัง ขณะเดียวกันติดตามนโยบายด้านการเงิน การคลัง ที่จะต้องดำเนินให้สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติและวิสัยทัศน์ของรัฐบาลและ คสช. ซึ่งเป็นไปตามโรดแมพที่วางไว้ รวมถึงการดำเนินการทางด้านกฎหมายต่างๆ ที่ยังไม่เรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนทำหน้าที่อย่างดีที่สุดท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งความไม่เข้าใจ แต่วันนี้งานต่างๆ ถือว่าเดินหน้าไปได้มาก และจะต้องเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เกิดความเข้มแข็ง ซึ่งในส่วนของการจัดทำงบประมาณ จะต้องปรับลดงบประมาณประจำ หรืองบฟังก์ชั่นลง และให้ความสำคัญกับงบประมาณที่เชื่อมโยงในหลายกระทรวง เช่น งบเพื่อการบริหารจัดการน้ำ ที่ดิน พลังงาน ที่สำคัญคือต้องทำให้มีงบประมาณด้านลงทุนเพิ่มมากขึ้น และให้พิจารณานำงบประมาณสำหรับการลงทุนที่อยู่ในงบฟังก์ชั่นแยกออกมาเป็นงบเพื่อการลงทุนและนำไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีการทับซ้อนอำนาจบริหาร
ส่วนกรณีข้อพิพาทบริษัท เชพรอน ที่ขอคืนภาษีสรรพามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มน้ำมันสำเร็จรูปที่ส่งไปใช้ยังแท่นขุดเจาะของบริษัท เชพรอน ในพื้นที่ไหล่ทวีป ซึ่งทางสำนักกฎหมายกรมศุลกากรตีความว่าเป็นพื้นที่นอกเขต 12 ไมล์ทะเล กรณีดังกล่าวถือเป็นการส่งน้ำมันออกนอกราชอาณาจักร ทำให้บริษัท เชพรอน ขอคืนภาษีรวมมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ซึ่งการดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายนั้นจะต้องมีการยื่นเรื่องหรือหนังสือเข้ามา เมื่อมีผลออกมาก็จะต้องชี้แจงหากมีการท้วงติง และต้องตรวจสอบไปตามลำดับ ส่วนกรอบเวลาการสอบมีอยู่แล้ว แต่ขอให้แต่ละส่วนทำงานไปก่อน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกดีที่หลายภาคส่วนได้ออกมาช่วยเหลือชาวนา แต่ต้องสร้างความเข้าใจกับชาวนาด้วยว่า ข้าวที่ซื้อขายเองคิดเป็นเพียง 5% ของผลผลิตข้าวทั้งหมด แต่การขายข้าวผ่านโรงสียังมีปริมาณที่มากอยู่ เพราะไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวกว่า 50 ล้านไร่ จึงต้องสร้างความเข้าใจให้ชาวนารู้ว่า เรื่องราคาข้าวรัฐบาลจะช่วยเหลือแบบเดิมไม่ได้ เพราะจะทำให้โครงสร้างราคามีปัญหา และต้องคำนึงถึงข้าวที่ค้างอยู่ในคลัง ซึ่งรัฐบาลกำลังจะพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมและคุ้มค่า
ส่วนการเรียกร้องให้ช่วยเหลือชาวนาปลูกข้าวเหนียวนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวเหนียวยังอยู่ในระดับที่ดีอยู่ เพราะข้าวเหนียวจะใช้บริโภคภายในประเทศเป็นหลัก และหากปรับราคาสูงขึ้นก็กระทบผู้บริโภคเอง ดังนั้นทุกฝ่ายต้องเข้าใจว่าการผลิตข้าวต้องคำนึงราคาที่เหมาะสม ความต้องการของตลาด และคุณภาพ ไม่ใช่อยากได้ราคาสูงเพียงอย่างเดียว และปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ ชาวนาไทยมีต้นทุนการผลิตสูง หากจะให้ชาวนาสามารถอยู่ได้จะต้องทำให้ราคาขายสูงว่าราคาต้นทุนการผลิต 3,000 บาทต่อตัน ดังนั้นต้องเน้นลดต้นทุนการผลิต เพิ่มการเพาะปลูกต่อไร่ และปรับเปลี่ยนพื้นที่การเพาะปลูก
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายให้กระทรวงการคลัง เพื่อให้กระทรวงการคลังดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งในส่วนนี้กระทรวงการคลังจะต้องมีการปรับแผนการดำเนินงานอีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายที่นายกฯ ได้มอบหมายไว้ โดยปัจจุบันกระทรวงการคลังดำเนินการตาม 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1.ดูแลความเหลื่อมล้ำ ความยากจน 2.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ 3.วินัยการคลัง 4.ธรรมาภิบาล
รมว.คลัง กล่าวว่า สิ่งที่จะต้องทำหลังจากนี้ คือการดูแลเรื่องการใช้จ่ายในการลงทุนของโครงการรัฐที่ได้ดำเนินการอยู่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่รัฐบาลหน้า เพราะโครงการลงทุนส่วนใหญ่เป็นเมกะโปรเจ็กท์ มีแผนงานระยะยาวหลายปี ดังนั้นจึงต้องพิจารณาเรื่องหนี้สาธารณะที่ต้องไม่เพิ่มขึ้นมาจนชนเพดาน และเป็นภาระทำให้รัฐบาลชุดหน้าไม่สามารถดำเนินการลงทุนอะไรได้ พร้อมกันนี้ต้องดูเรื่องการจัดทำงบประมาณให้มีความรอบคอบและรักษาวินัยการเงินการคลัง
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมานั้น กระทรวงการคลังได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่เป็นการรองรับนโยบายรัฐบาลเกือบทั้งหมด และปีหน้าอาจจะมีอีกหลายมาตรการออกมา ซึ่งต้องสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเช่นเดิม
"ต้องดูว่าไทยตอนนี้มีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น เรามีความสามารถ มีความเข้มแข็งทางด้านการเงิน ที่ผ่านมาเราผ่านวิกฤติสำคัญของประเทศหลายอย่าง ดังนั้นทั้งหมดทำให้เรามีการเตรียมความพร้อมรับมือที่จะไม่ให้ถูกกระทบจากปัญหาภายนอก" นายอภิศักดิ์ ระบุ