นายกฯ มอบหมาย"ประจิน"เข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่เปรู 19-20 พ.ย.แทน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 16, 2016 15:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 24 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 19 – 20 พ.ย.และในช่วงวันที่ 17 – 18 พ.ย. 59) นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และนายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 28 ด้วย

สำหรับการประชุมเอเปค ประจำปี 2559 จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “การเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ และการพัฒนามนุษย์" (Quality Growth and Human Development) โดยจะเน้นประเด็นสำคัญ (Priorities) 4 ประการ ได้แก่ (1) การขับเคลื่อนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ (2) การส่งเสริมตลาดอาหารในภูมิภาค (3) การก้าวไปสู่ความทันสมัยของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อยในเอเชีย-แปซิฟิก และ (4) การพัฒนาทุนมนุษย์

ทั้งนี้ การเข้าร่วมการประชุมเอเปคในปีนี้มีความสำคัญต่อไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยนอกจากไทยจะสนับสนุนประเด็นด้านการค้าการลงทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายโบกอร์ (Bogor Goals) อาทิ การจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย -แปซิฟิก (FTAAP) และการจัดทำ APEC Services Competitiveness Roadmap (59-68) แล้วไทยจะได้มีโอกาสแสดงบทบาทนำในการผลักดันประเด็นด้านการพัฒนา เช่น ความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วย ซึ่งประเด็นเหล่านี้ล้วนมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติในปี 73

เพื่อสนับสนุนประเด็นด้านการค้าการลงทุน ในปี 59 ไทยได้ดำเนินการร่วมกับเปรู ภายใต้กรอบเอเปค ในการผลักดันการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยสีเขียว หรือ “Greening Micro, Small and Medium Enterprises - MSMEs" โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ผู้นำเอเปครับรอง “APEC Strategy for Green and Sustainable MSMEs" ในปี 60 ผ่านการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องช่วงเดือนก.ค. 59 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากในที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคครั้งที่ 3 จากเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปค โดยเฉพาะบรูไนดารุสซาลาม จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย เปรู ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม นอกจากนี้ ไทยได้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ขยายระยะเวลาของ “APEC Education Strategy" จากปี 63 ให้สิ้นสุดลงในปี 73 เพื่อให้สอดคล้องกับปฏิญญาอินชอนว่าด้วยการศึกษาขององค์การ UNESCO อีกด้วย

นอกจากนี้ การเข้าร่วมการประชุมเอเปคของไทย ยังถือเป็นโอกาสสำคัญต่อไทยในการนำแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ของเอเปค/ธนาคารโลก ในเรื่องการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business - EoDB) มาปรับใช้ในการปรับปรุงบริการของภาครัฐให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจของนักลงทุนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อผลักดันให้อันดับของไทยตามรายงาน Doing Business ของธนาคารโลกเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ จากการนำแนวปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ มาใช้ ทำให้ไทยสามารถขึ้นสู่ลำดับที่ 46 จากทั้งหมด 190 ประเทศ ในรายงาน Doing Business 2017 โดยเพิ่มขึ้น 3 อันดับจากปีก่อนหน้า

อนึ่ง การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค จัดขึ้นมาแล้วกว่า 25 ปี และได้รับความสนใจจากผู้นำของสมาชิกเอเปค ทั้งหมด 21 เขตเศรษฐกิจ อย่างต่อเนื่อง โดยการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี 59 ของเปรูนั้น ถือเป็นครั้งที่ 2 (ครั้งแรก เมื่อปี 51) ด้านไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเปคอีกครั้งหนึ่งในปี 65 ต่อจากเวียดนาม (60) ปาปัวนิวกินี (61) ชิลี (62) มาเลเซีย (63) และนิวซีแลนด์ (64)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ