นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่จังหวัดยโสธรและอุบลราชธานี เพื่อติดตามกิจกรรม “โชวห่วย...ช่วยชาวนา" ในการบรรเทาปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เบื้องต้น มีโชวห่วยไทย กว่า 44 จังหวัด 76 ร้าน 352 สาขา แสดงพลังประสานมือช่วยชาวนา ทั้งรับซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรงและนำมาจำหน่ายให้คนในพื้นที่ราคาทุน และการให้ชาวนานำข้าวมาจำหน่ายที่ร้านค้าโดยไม่คิดค่าเช่าพื้นที่"
การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกิจกรรม “โชวห่วย...ช่วยชาวนา" ในครั้งนี้ ได้เดินทางไปที่ห้างนานาภัณฑ์ และห้างบิ๊กแคทในจังหวัดยโสธรที่ได้รับซื้อข้าวจากชาวนาในจังหวัดโดยตรงมาจำหน่ายในราคาทุน และได้กระจายข้าวดังกล่าวไปตามสาขาที่มีอยู่ 12 สาขาทั่วจังหวัดด้วย
ส่วนจังหวัดอุบลราชธานีได้เดินทางไปที่ห้างยงสงวน โดยห้างฯ ได้เปิดพื้นที่ให้ชาวนาในจังหวัดนำข้าวมาจำหน่ายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือค่าเช่าพื้นที่ และเปิดพื้นที่อีก 20 สาขาเพื่อให้ชาวนาในจังหวัดนำข้าวมาจำหน่ายโดยไม่คิดค่าเช่าพื้นที่ด้วยเช่นกัน รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ได้ทำการเจรจากับห้างแมกแวลูให้รับซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรงเพื่อ มาวางจำหน่ายในห้างแมกแวลู่ที่มีกว่า 80 สาขาทั่วประเทศ
“นอกจากนี้ ยังได้สั่งการณ์ให้พาณิชย์จังหวัดประสานผู้ประกอบการภาคใต้ให้รับซื้อข้าวจากชาวนาภาคอิสานผ่านช่องทางสหกรณ์โดยตรง โดยให้พาณิชย์จังหวัดเป็นผู้ประสานความสะดวกและติดตามผลเป็นระยะ พร้อมทั้งให้รายงานความคืบหน้าเข้ามาให้ทราบเป็นประจำทุกวัน"
ขณะที่ เครือข่ายธุรกิจของกระทรวงพาณิชย์ “Biz Club ภูเก็ต" ได้สั่งซื้อข้าวจากชาวนาจังหวัด พิจิตร ยโสธร อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง เพื่อนำไปจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคและสมาคมโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต รวมทั้ง สมาคมโรงแรมจังหวัดภูเก็ตจะรวมตัวกันจัดตั้งสหกรณ์เพื่อบริหารจัดการการซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรงในระยะยาว และชมรมเชฟภูเก็ตจะแนะนำเมนูข้าวให้แก่แขกที่มาพักในโรงแรมด้วย"
รมว.พาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสที่เทศกาลวันขึ้นปีใหม่กำลังจะมาถึง ขอเชิญชวนผู้ประกอบการที่กำลังมองหาของขวัญของกำนัล พิจารณาใช้ “ข้าว" มอบเป็นของขวัญแก่ผู้ที่ท่านนับถือ เนื่องจากข้าวถือเป็นสัญลักษณ์ แห่งความเป็นสิริมงคล และมีประวัติที่ยาวนานเคียงคู่กับคนไทยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่ง “ข้าว" จะเป็นของขวัญ ที่ทรงคุณค่าสามารถสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นทั้งผู้ให้และผู้รับ คือ “สุขใจผู้ให้...ซึ้งใจผู้รับ"
ขณะเดียวกัน “ช่องทางการตลาดแบบออนไลน์" ก็ยังคงมีการจำหน่ายข้าวผ่านทางเว็บไซต์ThaiCommerceStore.com เช่นเดิม โดยกระทรวงฯ ได้จัดทำแบนเนอร์การจำหน่ายสินค้าข้าวขึ้นและได้กำหนดรูปแบบร้านค้าข้าวออกเป็น 3 แบบ คือ แบบที่ 1 ชาวนาที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว : เมื่อผู้สนใจเข้ามาดูสินค้าที่เว็บไซต์ ThaiCommerceStore.com ก็สามารถคลิกลิงค์ไปยังเว็บไซต์ของชาวนาได้ทันทีเพื่อดูรายละเอียดของสินค้า แบบที่ 2 ชาวนาที่ไม่มีเว็บไซต์ แต่ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ค หรือ อินสตราแกรม : เมื่อผู้สนใจเข้ามาดูสินค้าที่เว็บไซต์ ThaiCommerceStore.com ก็สามารถคลิกลิงค์ไปยังสื่อโซเชียลมีเดียของชาวนาได้ทันที และ แบบที่ 3 ชาวนาที่ยังไม่มีเว็บไซต์ และไม่ได้ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย สามารถแจ้งรายละเอียดการติดต่อพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่เว็บไซต์ ThaiCommerceStore.com เพื่อผู้ที่สนใจจะซื้อข้าวสามารถติดต่อได้ทันที ซึ่งผู้ที่ให้รายละเอียดไว้แล้วจะถูกบันทึกรายชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ในไดเร็คทอรี่ภายในเว็บไซต์ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการค้นหาและติดต่อ
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้บูรณาการการทำงานกับสมาคมฯ กลุ่ม และสถาบันต่างๆ ตลอดจน กลุ่มผู้ประกอบการค้าข้าวทั้งในประเทศ ผู้ส่งออกข้าว และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากข้าวที่แสดงความจำนงที่จะช่วยเหลือชาวนาเกี่ยวกับการค้าออนไลน์อีกทางหนึ่งด้วย