นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้วงเงินงบประมาณ 12,750 ล้านบาท โดยกำหนดคุณสมบัติต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่ 15 ส.ค.59 และเป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีในปี 58 โดยมีการตรวจสอบสถานะบุคคลและความถูกต้องของข้อมูลในเบื้องต้นจากกรมสรรพากรและกรมการปกครองแล้ว คาดว่าจะสามารถช่วยผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ใช่เกษตรกร จำนวน 5.4 ล้านคน
สำหรับเกณฑ์การช่วยเหลือ กำหนดผู้มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เกินปีละ 30,000 บาท/ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ (ให้เพียงครั้งเดียว) 3,000 บาท/คน จำนวน 3.1 ล้านคน ประมาณการวงเงินที่ใช้ 9,300 ล้านบาท
ส่วนผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาท/ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ (ให้เพียงครั้งเดียว) 1,500 บาท/คน จำนวน 2.3 ล้านคนประมาณการวงเงินที่ใช้ 3,450 ล้านบาท
วิธีการโอนเงิน ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ใช่เกษตรกรที่ลงทะเบียนตามโครงการฯ ไว้กับธนาคาร โดยจำแนกเป็น 2 กรณี ดังนี้
1. กรณีผู้มีสิทธิ์เป็นลูกค้าของธนาคาร ให้ธนาคารโอนเข้าบัญชีของผู้มีสิทธิ์โดยตรง โดยให้ผู้มีสิทธิ์สามารถตรวจสอบเงินในบัญชีของตนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ธนาคารแจ้งการโอนเงินหากไม่มีเงินโอนเข้าบัญชีให้ไปยืนยันสิทธิ์กับธนาคารที่ได้ลงทะเบียนไว้ และหากผู้สิทธิ์มีบัญชีเงินฝากมากกว่า 1 บัญชี ธนาคารจะทำการโอนเงินเข้าในบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวล่าสุด
2. กรณีผู้มีสิทธิ์ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร ให้ผู้มีสิทธิ์ไปแสดงตัวและเปิดบัญชีเงินฝากที่สาขาธนาคารที่ไปลงทะเบียนตามโครงการฯ และสามารถตรวจสอบเงินในบัญชีหลังจากเปิดบัญชีภายใน 7 วัน หากไม่มีเงินโอนเข้าบัญชีให้ไปยืนยันสิทธิกับธนาคารที่ได้ลงทะเบียนไว้
ทั้งนี้ ให้ธนาคารใช้หลักเกณฑ์การโอนเงินข้างต้นเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการโอนเงินให้เกษตรกรผู้มีสิทธิ์ ตามมาตรการเพิ่มรายได้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยด้วย โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินการ วันที่ 1 - 30 ธ.ค.59