นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ประเทศไทยยังมีนักท่องเที่ยวเติบโตตามเป้าหมายของปี 59 คือ มีรายได้จากการท่องเที่ยว 2.4 ล้านล้านบาทภายในสิ้นปี จากตัวเลขชัดเจนว่าการปราบทัวร์ผิดกฎหมายส่งผลดีต่อการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่ไทยตั้งเป้าหมายไว้
แต่ด้วยของขวัญพิเศษให้นักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ เช่น มาตรการวีซ่าและกิจกรรมหลากหลาย คาดว่าในช่วง 3 เดือนนี้จะได้ยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปกติ 8.8 ล้านคน เป็น 9.1 ล้านคน คิดเป็น 4% และมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 454,982 ล้านบาท เป็น 483,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% โดยจะมีการจ้างงาน กระจายรายได้ไปตามเมืองรอง และรัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นเกินจากเป้าที่ตั้งไว้ ทำให้ฤดูการท่องเที่ยวคึกคัก โดยได้อานิสงส์บวกกับมาตรการนี้
ทั้งนี้ ยังยืนยันรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2559 ยังเป็นไปตามเป้าที่ 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งข้อมูลล่าสุดจากการรายงานของกรมการท่องเที่ยวพบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 20 พฤศจิกายน จำนวน 28.72 ล้านคนขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.38 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดรายได้ 1.43 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 14 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับในช่วงไฮซีซั่นทางกระทรวงท่องเที่ยวได้มีการออกมาตรการวีซ่า ซึ่งผ่านความเห็นจากคณะกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาใช้จ่ายมากขึ้นและเข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น ซึ่งโครงการจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ถึง 20 กุมภาพันธ์ 2560 โดยมาตรการประกอบไปด้วย 1. ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ สถานทูตหรือสถานกงศุลไทยในต่างประเทศ จำนวน 1,000 บาทต่อคนเป็นการชั่วคราวในระยะเวลา 3 เดือน และ 2.ปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa On Arrival หรือ VOA) ให้กับชาวต่างชาติโดยปรับปรุงจาก 2,000 บาท 1,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการขยายแล้วเวลาพำนักในประเทศไทย สำหรับกลุ่มที่พำนักในระยะยาวหรือ ลองสเตย์วีซ่า จาก 1 ปีเป็น 10 ปี ซึ่งเป็นไปตามมาตรการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางสุขภาพ และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ และนิยมมาพำนักอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวของไทย เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรีและจังหวัดบริเวณชายทะเลที่มีชื่อเสียง โดยผู้ขอวีซ่ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็น คนอังกฤษ สหรัฐอเมริกา เยอรมนีและญี่ปุ่น เป็นต้น
ทั้งนี้ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงเหตุผลที่มีการออกมาตราการวีซ่ามากระตุ้นการท่องเที่ยวแม้ยังคงมั่นใจว่ารายได้จากการท่องเที่ยวยังเป็นไปตามเป้าที่ 2.4 ล้านล้านบาทนั้น เนื่องจากอยากให้ช่วงไตรมาสที่ 4 มีบรรยากาศทั่วๆไปดีขึ้น จึงจำเป็นต้องออกมาตรการใหม่ๆมากระตุ้นการท่องเที่ยว อีกทั้งการศึกษาดูงานจากต่างประเทศ พบว่า หลายประเทศได้ใช้มาตรการวีซ่ามากระตุ้นการท่องเที่ยว จึงจำเป็นที่ไทยควรต้องเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน พร้อมทั้งจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุดและมอบหมายให้ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานในการศึกษาการใช้มาตราการวีซ่า เพื่อผลประโยชน์ในระยะยาวต่อไป
ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมถึงการออกมาตรการวีซ่าว่า จะมีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 3.5 แสนคน และมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 หมื่นล้านบาท มีส่วนช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อจีดีพี ประมาณ 0.3% ของจีดีพี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ติดต่อกัน 4 วัน ช่วงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ถึง 3 มกราคม 2560 ยังคงมีการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง เช่น รายการกรุงเทพมาราธอน การจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ การจัดงาน Asia's 50 Best Restaurant ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 รวมถึงการจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เป็นต้น พร้อมทั้งส่งเสริมให้หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิต จัดประชุมสัมนาภายในประเทศ เน้นการเรียนรู้โครงการพระราชดำริ ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ทางกระทรวงได้กำหนดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด โดยออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน ซึ่งเตรียมจัดงานมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า (Thailand Yacht Show 2016) ในช่วงระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคมนี้ ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพ Luxury Tourism
พร้อมกันนี้ ททท.จะมีการเริ่มนำเที่ยวในโครงการ 9 แรกสู่ 9 มั่นคง เพื่อเดินทางไปเรียนรูโครงการพระราชดำริ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท และจะมีการแนะนำ"เส้นทางท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล" 8 เส้นทางใน 8 คลัสเตอร์ ในการจัดงานมหกรรมอารยะสถาปัตย์ (Thailand Friendly Design Expo) เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในหลายพื้นที่
สำหรับการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนแต่อย่างใด เพราะข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พ.ย. มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 8 ล้านคน มากกว่าปีที่แล้วที่ 7.9 ล้านคน ซึ่งหลังจากมีการจัดระเบียบทางการไทยได้มีการพูดคุยกับรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความมั่นใจและความร่วมมือ และยกระดับการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพมากขึ้น ซึ่งไทยก็จะมีการจัดกิจกรรมใหม่ๆเพื่อกระจายนักท่องเที่ยวจีนไปยังเมืองใหม่ๆในต่างจังหวัด จัดกิจกรรมสปอร์ตทัวร์รีส หรือส่งเสริมการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเน้นเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยงจีน เป็นต้น
ส่วนการเดินหน้าปรับปรุงคุณภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลังจากมีการเดินหน้าปราบปราบทัวร์ที่ผิดกฏหมาย ทางกระทรวงจะมีการทำทั้งการปรับปรุงคุณภาพและพัฒนามัคคุเทศก์ การจัดทำ Digital Tourism มาตรการทางภาษีและการเสียภาษีของผู้ประกอบการให้ถูกต้อง รวมถึงการกำหนดจรรยาบรรณของทัวร์ให้ถูกกฏหมาย เป็นต้น