นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการดำเนินงานในพื้นที่ก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ช่วงสัญญาที่ 1 สัญญาที่ 2 และสัญญาที่ 3 ว่า ในภาพรวมสัญญาที่ 1 งานโยธาสำหรับสถานีรถไฟบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง และ สัญญาที่ 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟช่วงบางซื่อ – รังสิต มีความก้าวหน้าไปแล้ว 60% ขณะที่สัญญาที่ 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล รวมงานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้า คืบหน้าแล้วประมาณ 10%
ทั้งนี้ รฟท.ได้ให้นโยบายเร่งรัดการก่อสร้างโครงการทั้งหมด เพื่อเปิดให้บริการเดินรถได้ทันตามแผนในเดือน มิ.ย.63
อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้รับเหมาโครงการในสัญญาที่ 1 คือกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสยู จอยท์เวนเจอร์ ประกอบด้วย บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และ บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และผู้รับเหมาโครงการในสัญญาที่ 2 คือบมจ. อิตาเลียนไทย ดิเวลอปเม้นต์ (ITD) ได้ขอขยายระยะเวลในสัญญาออกไปจากกำหนดเดิมหลังพบปัญหาการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าจากปัญหาข้อพิพาทในพื้นที่ และการบุกรุกเข้ามาอาศัยในพื้นที่เขตทาง ซึ่ง รฟท.ได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาจัดทำความเห็นประกอบการพิจารณา เบื้องต้นเห็นว่ามีเหตุผลอันสมควรต่อการขยายระยะเวลา แต่ทั้งนี้การขยายเวลาจะไม่กระทบต่อกำหนดเปิดให้บริการอย่างแน่นอน
“การถไฟฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ในการติดตามความก้าวหน้าการลงทุนโครงการรถไฟชานเมืองอย่างใกล้ชิด โดยได้ติดตามผลการลงทุนในส่วนของผู้รับเหมาโครงการทุกสัปดาห์ และมีการรายงานความคืบหน้าเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้รับทราบข้อมูลการก่อสร้าง ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อนำมาแก้ไขได้อย่างทันท่วงที จึงมั่นใจโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงจะเสร็จทันตามกำหนดในปี 63 อย่างแน่นอน"นายวุฒิชาติ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อและรองรับการให้บริการของทั้งรถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟเชื่อมท่าอากาศยาน(แอร์พอร์ตลิงค์) และรถไฟความเร็วสูง ขณะนี้มีความคืบหน้าการก่อสร้างประมาณ 50% เป็นไปตามแผน และมั่นใจว่าเมื่อสร้างเสร็จโครงการสถานีกลางบางซื่อจะเป็นจุดเชื่อมโยงการเดินทางระบบรางที่ทันสมัย สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน