แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 8 ธ.ค.นี้จะพิจารณาสัญญาการซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะยาวจากกลุ่มปิโตรนาส โดยมีบมจ.ปตท. (PTT) เป็นผู้นำเข้าในปริมาณ 1.2 ล้านตัน/ปี เบื้องต้นคาดว่าจะมีราคาถูกกว่าการนำเข้า LNG จากกลุ่มเชลล์และบีพี ที่ได้อนุมัติสัญญาซื้อขายไปก่อนหน้านี้ เพราะเป็นการนำเข้าจากมาเลเซียซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กว่าการนำเข้า LNG จากแหล่งอื่น
ทั้งนี้ หาก ปตท.นำเข้า LNG จากกลุ่มปิโตรนาสครั้งนี้ ก็จะทำให้มีสัญญานำเข้าระยะยาวรวมแล้ว 5.2 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบันที่นำเข้าจากการ์ต้า 2 ล้านตัน/ปี และจะทำสัญญานำเข้าจากกลุ่มเชลล์และบีพี รายละ 1 ล้านตัน/ปี ก็อาจจะชะลอการทำสัญญานำเข้า LNG ระยะยาวออกไประยะหนึ่งได้
นอกจากนี้ คาดว่ากพช.จะพิจารณาการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ด้วย แต่เบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุปของรูปแบบการเปิดเสรี โดยอยู่ระหว่างการหารือของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ก่อน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเปิดเสรี LPG ควรจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า เพื่อให้ผู้ประกอบรายอื่นที่พร้อมนำเข้า LPG จะได้มีเวลาเตรียมตัวรองรับการนำเข้าที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต นอกเหนือจากปัจจุบันที่มีเพียง PTT เป็นผู้นำเข้าเพียงรายเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันความต้องการใช้ LPG มีราว 5 แสนตัน/เดือน ส่วนใหญ่ราว 3.2 แสนตัน/เดือนมาจากการผลิตของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ขณะที่อีก 1.5 แสนตัน/เดือนมาจากการผลิตของโรงกลั่นน้ำมัน ส่วนที่เหลืออีกราว 2.5-3 หมื่นตัน/เดือน มาจากการนำเข้า
แต่ในช่วงปี 63-64 คาดว่าการนำเข้า LPG จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน เนื่องจากการผลิตจากโรงแยกก๊าซฯอาจจะลดลงไปราว 20% หรือประมาณ 6 หมื่นตัน เป็นผลจากปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยที่จะลดลงหลังแหล่งก๊าซฯเอราวัณและบงกช ใกล้จะหมดอายุสัมปทานซึ่งจะทยอยลดสัดส่วนการผลิตก๊าซฯลงในช่วงใกล้หมดอายุสัมปทาน กรณีดังกล่าวอาจทำให้ไทยต้องนำเข้า LPG เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 9 หมื่นตัน/เดือน
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมกพช.ก็จะพิจารณาโครงการก่อสร้างคลัง LNG ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ขนาด 5 ล้านตัน/ปี ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และคลัง LNG แห่งที่ 2 ของปตท. ที่จะปรับเพิ่มขนาดจาก 5 ล้านตัน/ปี เป็น 7.5 ล้านตัน/ปีด้วย