นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตามข้อมูลล่าสุดจากรายงานของกรมการท่องเที่ยว พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสม จำนวน 29.89 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 1.49 ล้านล้านบาท ขยายตัว 10% และ 13.56% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามลำดับ ซึ่งอัตราการเติบโตของรายได้ มากกว่า จำนวนนักท่องเที่ยว นับเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ
ขณะที่สถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงไฮซีชั่นที่พบข้อมูลว่ามียอดจองที่พักและวางแผนการเดินทางเที่ยวข้ามภาคกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในภาคเหนือ และภาคกลางตอนบนที่อุณหภูมิเริ่มลดลง ที่สำคัญมีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปเที่ยวตามโครงการพระราชดำริ เช่น ที่ โครงการชั่งหัวมัน อ. ท่ายาง จ. เพชรบุรี จากสถิติในเดือน พ.ย. 58 จำนวน 26,308 คน และในปี 59 จำนวน 54,707 คน เพิ่มขึ้นกว่า 48% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ในขณะที่ช่วงวันที่ 1 -6 ธ.ค.59 มีคนเดินทางมากว่า 20,000 คนแล้ว และที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีคนมาเยี่ยมชม ในเดือน พย ปี 58 จำนวน 17,431 คน และในปี 59 จำนวน 23,023 คน เพิ่มขึ้นกว่า 75% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้วยมาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายในเดือนธ.ค. ไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นตามภูมิภาคต่างๆ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทยนั้น หลังจากได้เริ่ม มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในตปท. จำนวน 1,000 บาท/คน เป็นการชั่วคราว 3 เดือน และมาตรการปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa On Arrival - VOA) ให้แก่ชาวต่างชาติโดยปรับลด จาก 2,000 บาท เป็น 1,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน มีแนวโน้มว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
นางกอบกาญจน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวให้ความสนใจ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) กันมากขึ้น เห็นได้จากการแข่งขันไตรกีฬารายการระดับโลกที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา 2 รายการ คือ การแข่งขันลากูน่าภูเก็ตไตรกีฬา ครั้งที่ 23 ที่มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 1,200 คน จากกว่า 42 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 300 คน และการแข่งขัน "โฟร์โมสต์ ไอรอนแมน 70.3 ไทยแลนด์” มีจำนวนนักกีฬาชาวต่างชาติมา 1,100 คน และนักกีฬาไทย 300 ครั้ง จาก 61 ประเทศ
ในขณะที่การแข่งขัน Air Race 1 ขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย ณ สนามบินอู่ตะเภา มีผู้เข้าชมกว่า 53,000 คน
อีกทั้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแข่งขันเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก “คิงส์คัพ - การบินไทย เจ็ตสกีเวิลด์คัพ 2016” ระหว่างวันที่ 2 - 4 ธ.ค. ที่ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา มีนักเจ็ตสกีจาก 40 ชาติ ร่วมแข่งขัน การแข่งขันปีนี้ถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ทำการแข่งขันมากว่า 20 ปี มีนักกีฬาและทีมงานทั้งสิ้นร่วม 2,000 คน โดยมีผู้สนใจเข้าชมกว่า 23,000 คน
และช่วงวันที่ 3-10 ธ.ค.59 มีการแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทาน "ภูเก็ต คิงส์คัพ รีกัตตา" ซึ่งถือเป็นงานแข่งขันเรือใบนานาชาติที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย ในวันที่ 9 ธ.ค.59 จะมีการจัด “พิธีสวนสนามทางทะเล” เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่10 ซึ่งจะมีนักกีฬาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากกว่า 1,500 คน จากกว่า 30 ประเทศให้เดินทางมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการและประชาชนในท้องถิ่นอย่างมหาศาล ก่อให้เกิดเงินสะพัดกว่า 300 ล้านบาทตลอดสัปดาห์การจัดงาน
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังจะเดินหน้าต่อในการจัดแข่งขันรายการกีฬาระดับโลกอีกหลายรายการตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชกระแสรับสั่งว่า “กีฬาจะเป็นสิ่งที่พัฒนาคน" อาทิ การจัดเชียงใหม่ มาราธอน ในวันที่ 18 ธ.ค.59 และกรุงเทพมาราธอน ในวันที่ 5 ก.พ.60 นี้