นายทศพล ทังสุบุตร รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้นำหน่วยงานด้านการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจีน ลงพื้นที่ชมกระบวนการผลิตสินค้าจีไอของไทย 3 รายการ คือ ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง, ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ และมะขามหวานเพชรบูรณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการขึ้นทะเบียน GI สินค้าทั้ง 3 รายการที่ประเทศจีน
สำหรับสาเหตุที่กรมฯ ต้องการขึ้นทะเบียนสินค้า GI ทั้ง 3 รายการในประเทศจีน เนื่องจากส้มโอและมะขามหวานเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในจีนมาก โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกส้มโอไปจีนคิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 170 ล้านบาท มีสัดส่วนเป็นอันดับ 1 ราว 65% ของการส่งออกส้มโอไปตลาดโลก และส่งออกมะขามไปจีนเป็นอันดับ 2 รองจากการส่งออกไปสหรัฐฯ มีมูลค่าปีละ 70 ล้านบาท
"การขึ้นทะเบียน GI สินค้าไทย 3 รายการในจีน จะช่วยยกระดับเป็นสินค้าพรีเมี่ยม และสร้างชื่อเสียงสินค้า GI ของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในตลาดสำคัญ ขณะเดียวกัน หน่วยงานขึ้นทะเบียน GI ของจีนจะช่วยดูแลและป้องปรามในกรณีที่เกิดการละเมิดหรือปลอมแปลงสินค้า GI ของไทย ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาสินค้าไทยที่ถูกละเมิดหรือปลอมแปลงในจีนได้ โดยเฉพาะการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไปจีน" นายทศพล กล่าว
พร้อมระบุว่า สินค้า GI ของไทย 3 รายการนี้ถือเป็นตัวแทนสินค้าไทยที่น่าจะขยายตลาดได้ดีในประเทศจีน โดยมีคุณสมบัติและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว เป็นผลมาจากแหล่งผลิตตามสภาพภูมิอากาศ หรือปัจจัยแวดล้อมในพื้นที่ โดยส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ปลูกในพื้นที่ป่าราบลุ่มชายเลน น้ำกร่อย ดินเหนียวเป็นด่างอ่อน มีเนื้อสีชมพูเข้มจนถึงสีแดงคล้ายสีทับทิม รสชาติหวานนุ่ม ผิวผลนิ่มดั่งกำมะหยี่
สำหรับมะขามหวานเพชรบูรณ์ ปลูกในภูมิประเทศเป็นท้องกระทะ มีแม่น้ำป่าสักไหลผ่าน ดินมีธาตุอาหารฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมสูง อากาศร้อนในฤดูร้อน หนาวจัดในฤดูหนาว ทำให้ได้มะขามหวานเปลือกสีน้ำตาล เนียน เนื้อหนา เหนียวนุ่ม หวานหอม สีสวยสม่ำเสมอ สาแหรกน้อยไม่แข็งกระด้าง
ส่วนข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ปลูกในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งมีดินร่วนปนทราย มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ส่งผลให้ข้าวเกิดความเครียดแล้วหลั่งสารหอม จึงทำให้มีความหอมมากกว่าข้าวหอมมะลิที่ปลูกในพื้นที่อื่น เมล็ดข้าวยาวเรียว ข้าวสารมีเมล็ดใส ข้าวสุกมีความหอมและนุ่ม