SCB EIC ชี้ปี 60 ยูโรอ่อนค่าเทียบกับเงินบาทหลัง ECB ยืดอายุมาตรการ QE

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday December 10, 2016 10:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มองว่า ในปี 60 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงไม่มีการปรับเปลี่ยนทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตลอดปี ขณะที่การดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) จะมีต่อเนื่องตลอดทั้งปี และอาจขยายระยะเวลาหากอัตราเงินเฟ้อยังไม่เข้าสู่อัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2% ซึ่งจะมีผลทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท

โดยเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ECB ได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน(Quantitative Easing: QE) เพื่อสนับสนุนให้ระบบการเงินมีสภาพคล่องต่อเนื่องและผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้เข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ส่งผลให้ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น

ประกอบกับจะมีการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในเดือนนี้จะยิ่งส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงได้อีก เนื่องจากคาดว่า BOJ จะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินใดๆ ขณะที่ FED น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้

การที่อัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมายอยู่มากทำให้ ECB ขยายระยะเวลาการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หลังจากช่วงที่ผ่านมาการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยอัตราเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 0.6% ในเดือน พ.ย.59 จากเดือน ต.ค.59 อยู่ที่ 0.5% เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งยังไม่ใช่การปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้ออย่างมีเสถียรภาพ เห็นได้จากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงที่ระดับ 0.8% เป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกัน

สำหรับรายละเอียดของการประกาศมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ประกอบด้วย

1.ขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม 9 เดือน จากเดิมที่มาตรการจะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.60 เป็นสิ้นสุดในเดือน ธ.ค.60 ทั้งนี้อาจมีการขยายระยะเวลาเพิ่มเติมได้หากอัตราเงินเฟ้อและการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่ ECB คาด

2.ลดขนาดวงเงินที่จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์บางส่วน โดยจะยังคงวงเงินปริมาณการอัดฉีดต่อเดือนที่ 8 หมื่นล้านยูโร จนถึงเดือน มี.ค.60 และลดการอัดฉีดปริมาณเงินต่อเดือนลงเหลือ 6 หมื่นล้านยูโร ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือน เม.ย.60 จนถึงเดือน ธ.ค.60 ทั้งนี้เพื่อให้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินดำเนินไปอย่างราบรื่น ECB ได้มีการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ในมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.60 ดังนี้ 2.1 ขยายอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ (bond duration) ที่จะเข้าซื้อจากที่กำหนดอายุของตราสารหนี้ขั้นต่ำไว้ที่ 2 ปี เปลี่ยนเป็น 1 ปี เพื่อขยายขอบข่ายของตราสารที่ ECB จะเข้าซื้อได้ และ 2.2 อนุญาตให้เข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทน (yield) ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากส่วนเกินที่ธนาคารพาณิชย์มาฝากไว้กับ ECB (deposit facility rate) ที่ -0.4% ได้หากมีความจำเป็น

SCB EIC มองว่า การลดขนาดวงเงินสำหรับการอัดฉีดสภาพคล่อง พร้อมการขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการ QE นั้นยังไม่แสดงถึงมาตรการการลดการผ่อนคลายทางการเงิน เห็นได้จากเมื่อนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ประกาศดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 10 ปี ในหลายประเทศในเขตยูโรโซน เช่น เยอรมนี และ อิตาลี ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยราว 10 basis point ขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 0.44% และ 2.04% ตามลำดับ ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 10 ปี ดังกล่าวมีความผันผวนน้อยกว่า ช่วงการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้น 15 basis point และ 32 basis point ในเยอรมนี และอิตาลี ตามลำดับ อีกทั้งการลดขนาดวงเงินอัดฉีดต่อเดือน แต่ขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือนนั้น ผิดจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะคงวงเงินอัดฉีดไว้เท่าเดิม แต่ขยายมาตรการ QE ออกไปเพียง 6 เดือนนั้นส่งผลให้ปริมาณเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจยูโรโซนมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามความผันผวนดังกล่าวเป็นความผันผวนระยะสั้น เนื่องจากการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมนั้นเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจยูโรโซนในการรับมือกับความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญในปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ