ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 คนกรุงเทพฯ จะมีเม็ดเงินเพื่อการจับจ่ายใช้สอยไม่ต่ำกว่า 28,500 ล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่เติบโตร้อยละ 8.0 ซึ่งในปีนี้ภาคธุรกิจยังคงใช้เทศกาลปีใหม่เป็นหนึ่งในอีเว้นท์ที่เข้ามากระตุ้นยอดขาย แต่ลักษณะกิจกรรมที่เกิดขึ้นจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบของกิจกรรมรื่นเริงเหมือนเดิม อาจปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบรรยากาศในช่วงไว้อาลัย
"เทศกาลปีใหม่ปีนี้ คนกรุงฯ อาจเน้นทำกิจกรรมที่ไม่คึกคักมากนักเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยกิจกรรมหลักๆ ยังคงมีอยู่ แต่อาจจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบรรยากาศในช่วงนี้ ดังนั้นภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมหรืออีเว้นต์ที่เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายหรือการทำกิจกรรมของคนกรุงฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ให้ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
โดยเม็ดเงินค่าใช้จ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ แยกเป็น ค่าใช้จ่ายอาหารและเครื่องดื่ม 9,200 ล้านบาท รองลงมาคือ ท่องเที่ยว (เฉพาะค่าที่พักและค่าเดินทาง) 8,000 ล้านบาท ซื้อของขวัญ/ของฝาก 4,400 ล้านบาท การให้เงินพ่อแม่/พี่น้องเป็นของขวัญปีใหม่ 4,100 ล้านบาท และทำบุญ/ไหว้พระ 2,800 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ยอยู่ที่ 5,400 บาท
"การประกาศให้มีวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลปีใหม่ยาวติดต่อกันถึง 4 วัน ประกอบกับมาตรการของภาครัฐที่ออกมากระตุ้นการจับจ่ายในช่วงปลายปี อย่างมาตรการช็อปช่วยชาติ และการให้เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้การจับจ่ายใช้สอยของคนกรุงฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ไม่ซบเซามากนัก" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
โดยสินค้าเกี่ยวกับรัชกาลที่ 9 และสินค้าที่เน้นช่วยเหลือสังคมจะกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจจากคนกรุงฯ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญสำหรับปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือที่ระลึกที่จัดทำพิเศษเพื่อน้อมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ ธนบัตรหรือเหรียญที่ระลึก เป็นต้น รวมไปถึงข้าวชาวนาที่คนกรุงฯ หันมาเลือกเป็นของขวัญ/ของฝาก โดยถือเป็นการช่วยเหลือชาวนาจากปัญหาราคาข้าวที่ตกต ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจที่ระบุว่า ปัจจัยในการเลือกซื้อของขวัญของฝากในปีนี้ นอกเหนือจากประโยชน์ใช้สอยและคุณภาพของสินค้าแล้ว ยังคำนึงถึงคุณค่าหรือความหมายทางจิตใจเข้ามาร่วมด้วย ทั้งนี้ห้างสรรพสินค้ายังคงเป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของขวัญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากคนกรุงฯ เนื่องจากมีสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายประเภท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มูลค่าตลาดกระเช้าปีใหม่ปี 2560 จะมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินค้าที่ยังคงตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเฉพาะลูกค้าองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ มองว่า การให้ของขวัญในนามขององค์กรค่อนข้างมีอิทธิพลอย่างมากต่อการสานต่อและเชื่อมความสัมพันธ์ให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์องค์กรด้วย แต่การเลือกซื้อกระเช้าของขวัญในปีนี้น่าจะได้เห็นภาพการปรับเปลี่ยนมากกว่าทุกๆ ปี เพราะนอกเหนือจากสินค้าเดิมที่ได้รับความนิยมทุกปี คือ สินค้ากลุ่มสุขภาพ (รังนก ซุปไก่สกัด น้ำผักผลไม้) แล้ว ยังมีสินค้าที่มาแรงและคาดว่าจะถูกเลือกนำมาจัดเป็นกระเช้าในปีนี้ ได้แก่ สินค้าโครงการหลวง สินค้า OTOP สินค้าออร์แกนิค/ปลอดสารพิษ ซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภคได้ตัดสินใจเลือกซื้อ ซึ่งผู้ประกอบการกระเช้าปีใหม่จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาด เช่น การติดต่อซัพพลายเออร์ (สำนักพิมพ์ ผู้ผลิตข้าวชุมชน/ข้าวชาวนา ผู้ผลิตสินค้าโครงการหลวง สินค้าออร์แกนิค หรือสินค้า OTOP) เพื่อบริหารจัดการสต็อกสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลาดังกล่าว
กระแสการทำความดีส่งผลให้กิจกรรมการใช้จ่ายกระจายไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ มากขึ้น คนกรุงฯ มีการปรับพฤติกรรมรับเทศกาลปีใหม่ 2560 โดยเฉพาะปรับลดการทำกิจกรรมรื่นเริงสังสรรค์ อาทิ การออกไปปาร์ตี หรือเลี้ยงฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ และปรับเปลี่ยนไปทำกิจกรรมความดีและมีประโยชน์กับสังคมมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับภาคเอกชนที่หันมาปรับกิจกรรมรื่นเริง หรือเคาท์ดาวน์ (การจุดพลุฉลอง การแสดงดนตรีแสงสีเสียง) ไปสู่รูปแบบของการทำบุญตักบาตร ร่วมสวดมนต์ข้ามปีหรือกิจกรรมที่แสดงถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อาทิ การจัดนิทรรศการ เป็นต้น รวมถึงการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐหรือมูลนิธิ จัดกิจกรรมเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมทำบุญ โดยอยู่ในรูปแบบของการจำหน่ายสินค้าต่างๆ อาทิ เสื้อผ้า สิ่งพิมพ์ ข้าวชาวนา ซึ่งช่วยสร้างเม็ดเงินให้กับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ธุรกิจเสื้อผ้า ร้านค้าโครงการหลวง รวมถึงธุรกิจผลิตข้าวชุมชน/ข้าวชาวนา อีกทั้งยังถือเป็นการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ให้กับองค์กรด้วย