นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การยาสูบแห่งประเทศไทย โดยประเด็นสำคัญ คือ ยกระดับโรงงานยาสูบจากปัจจุบันที่เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการคลังขึ้นเป็นนิติบุคคล เพื่อช่วยให้การยาสูบแห่งประเทศไทยสามารถดำเนินธุรกิจได้เต็มศักยภาพ สามารถแข่งขันกับคู่ค้าต่างชาติที่มีขนาดใหญ่ และมีเงินทุนมาก ขณะเดียวกันสามารถทำหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมได้
โดย พ.ร.บ.ฉบับนี้จะมี 5 ประเด็นสำคัญ คือ 1.จัดตั้งการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) 2.การตั้งคณะกรรมการและผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย 3.รายได้จากการดำเนินการสามารถนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายและในส่วนที่เหลือนำส่งรัฐต่อไป 4.การกำกับดูแลโดย รมว.คลัง ซึ่งอดีตทุกอย่างต้องขอความเห็นชอบจากกระทรวง แต่หลังจากนี้เมื่อการยาสูบเป็นนิติบุคคลแล้ว สามารถดำเนินการได้ ยกเว้นเรื่องสำคัญที่ต้องขอมติ ครม.เช่น การลงทุนพื่อขยายกิจการที่เกินกว่า 500 ล้านบาทขึ้นไป การกู้/ให้กู้ การยืมเกินกว่า 100 ล้านบาท การออกตราสารต่างๆ การขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาท และการเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น การถือหุ้นใน บมจ.
"นอกจากนี้ ให้มีการจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์เพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัว อีกเรื่องที่จะชัดเจนคือ การถือครองที่ดิน จากเดิมที่ยาสูบไม่สามารถถือครองที่ดินเองได้ ต้องให้กรมธนารักษ์เป็นผู้ถือ แต่อนาคตสามารถถือในนามยาสูบได้โดยตรง" นายกอบศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี นายกฯ ได้เร่งรัดทั้งเรื่อง พ.ร.บ.ยาสูบ ที่จะมาดูแลธุรกิจยาสูบของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอีกเรื่องคือ การช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้การยาสูบแห่งประเทศไทย