ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.77/78 แนวโน้มอ่อนค่าต่อจากดอลล์แข็งหลัง FED ขึ้นดอกเบี้ย พรุ่งนี้ลุ้นแตะ 35.80

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 15, 2016 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.77/78 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าต่อ จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.69/74 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยังอ่อนค่าลงต่อ จากสาเหตุที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งส่งผลให้เงิน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ โดยระหว่างวันเงินบาท low สุดที่ระดับ 35.69 บาท/ดอลลาร์ และ high สุดที่ ระดับ 35.78 บาท/ดอลลาร์

"บาทเริ่มอ่อนค่าลงมาในช่วงบ่ายๆ แนวโน้มพรุ่งนี้ก็ยังน่าจะอ่อนค่าได้ต่อ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.75 - 35.85 บาท/ดอลลาร์ โดยหากเงินบาททะลุ 35.80 บาท/ดอลลาร์ ก็มีโอกาสจะอ่อนค่าลงได้อีก

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 117.95/96 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 117.20 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0495/0496 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0500 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,519.65 จุด ลดลง 1.60 จุด (-0.11%) มูลค่าการซื้อขาย 49,531 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,507.25 ลบ.(SET+MAI)
  • รมว.คลัง ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3.3% ส่วนปี 60 คาดโตได้ไม่ต่ำกว่า 3.4% ทั้งนี้ยังไม่รวมกับเม็ด
เงินจากภาครัฐที่จะลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจอีกหลายแสนล้านบาทในปีหน้า ซึ่ง
จะมีส่วนช่วยหนุน GDP ได้อีก 0.2-0.3%
  • รมว.คลัง ชี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่มีผลกระทบต่อไทยมาก เนื่องจากเงินกู้ของ
ไทยในส่วนที่เป็นเงินตราต่างประเทศมีน้อย ซึ่งโครงการลงทุนของภาครัฐส่วนใหญ่ใช้แหล่งเงินจากในประเทศเป็นหลัก เพราะสภาพ
คล่องของไทยยังมีสูง ส่วนในแง่ของค่าเงินบาทนั้น ความผันผวนถือเป็นเรื่องปกติเมื่อมีเงินไหลเข้า-ออก และเชื่อว่าธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) จะสามารถดูแลได้
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่าในช่วงสิ้นเดือนธ.ค.59 และช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ซึ่งประชาชนมี
ความต้องการใช้ธนบัตรในระดับสูงกว่าปกตินั้น ธปท.ประมาณการว่าธนาคารพาณิชย์จะมีการเบิกจ่ายธนบัตรจาก ธปท.ในช่วง 1
สัปดาห์ก่อนเทศกาลปีใหม่ 2560 เป็นมูลค่าสุทธิประมาณ 150,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.0% ดังนั้น ธปท.
ได้เตรียมสำรองธนบัตรชนิดราคาต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการไว้อย่างเพียงพอแล้ว
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะ
อยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ขณะที่ทุนสำรองฯ และยอดเกินดุลบัญชีเดิน
สะพัดก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ซึ่งแม้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอาจไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการดำเนินนโยบายการเงิน
ของไทยในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า แต่ต้องยอมรับว่าการคุมเข้มดอกเบี้ยของเฟดคงส่งผลให้โอกาสความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการ
นโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไปลดน้อยลงไปมาก
  • สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) คาดว่าจะเห็นการออกกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคต
ประเทศไทย (Thailand Future Fund:TFF) ขนาด 3 หมื่นล้านบาท อายุ 3 ปี ภายในไตรมาส 1/60 เพื่อให้การทางพิเศษ
แห่งประเทศไทย (กทพ.) ระดมทุนไปใช้สร้างโครงการทางด่วน โดยโครงการแรก คือ ทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วง
แหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้
พร้อมกับคงวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
  • มาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนีรวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ
53.9 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค. ขยับลงแตะ 53.1 จากระดับ 53.8 ในเดือน
พ.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 54.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 68 เดือน จากระดับ 53.7

มาร์กิตระบุว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในยูโรโซนเดือนธ.ค.ขยายตัวเท่ากับเดือนที่แล้ว โดยจำนวนธุรกิจใหม่ การจ้างงาน และปริมาณงานในมือเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับเดือนก่อน ขณะที่กิจกรรมภาคการผลิตได้ช่วยหนุนธุรกิจยูโรโซนในภาพรวมจากอานิสงส์ การอ่อนค่าของสกุลเงินยูโร

  • กระทรวงพาณิชย์ของจีน เปิดเผยว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบเป็นราย
ปี แตะที่ระดับ 7.318 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.1379 แสนล้านดอลลาร์) ในช่วง 11 เดือนแรกของปี (ม.ค.-พ.ย.) ซึ่งตัว
เลขดังกล่าวชะลอตัวลงจากช่วงเดือนม.ค.-ต.ค.ที่มีการขยายตัว 4.2%
  • นักลงทุนติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญใน 1-2 วันนี้ เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำ

สัปดาห์ของสหรัฐ, อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐเดือน พ.ย., ดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐประจำไตรมาส 3/2559, การประชุมธนาคาร

กลางอังกฤษ, ดุลการค้าของอียูเดือน ต.ค. และอัตราเงินเฟ้อของอียู เดือน พ.ย. เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ