ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เล็งทบทวนเป้า GDP ปี 60 ช่วงต้นปี รอดูผลมาตรการกระตุ้นศก.- มองตลาดเงินผันผวน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 21, 2016 13:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 60 ไว้ที่ 3.3% เท่ากับปีนี้ที่เติบโตได้ 3.3% โดยปัจจัยหนุนมาจากความคาดหวังการลงทุนภาคเอกชนเริ่มมีการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างสมดุลมากขึ้น ในขณะที่การท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ และการบริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งต้องอาศัยแรงผลักดันเสริมจากการส่งออกที่คาดว่าจะไม่ติดลบ และการลงทุนภาคเอกชน

ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 60 จะเติบโตได้ 3.2% เท่ากับไตรมาส 4/59 ซึ่งมองว่าในไตรมาส 1/60 ยังมีแนวโน้มทรงตัวจากไตรมาส 4/59 เพราะมีปัจจัยลบส่งผลต่อเนื่องมา ได้แก่ การท่องเที่ยวที่เผชิญแรงกกดดันจากนักท่องเที่ยวจีนที่ยังคงหดตัวอยู่ การส่งออก และการลงทุนภาคเอกชนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ในขณะที่การบริโภคยังมีการชะลอตัว หลังการจับจ่ายได้มีการใช้ไปล่วงหน้าแล้วในโครงการช็อปช่วยชาติ แต่อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตานโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร

ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปี 60 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัว โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.4% มีปัจจัยหนุนมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มีการประมูลไปแล้วหลายโครงการและเริ่มดำเนินการก่อสร้าง นอกจากนี้ การส่งออกคาดว่าจะกลับมาขยายตัวจากผลของราคาสินค้าเกษตรและการท่องเที่ยวจะกลับมาขยายตัวเช่นเดียวกัน

นายเชาว์ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในปี 60 ที่ต้องติดตาม ได้แก่ จังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเห็นเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และกลุ่มประเทศชั้นนำที่นอกเหนือจากสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มชะลอตัวทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และจีน แม้ว่าเศรษฐกิจอาเซียนจะมีแนวโน้มขยายตัวที่ดีขึ้น แต่การส่งออกไปยังตลาดอาเซียนยังคงขยายตัวไม่สูง หลังจากธุรกิจไทยออกไปตั้งฐานการผลิตในอาเซียนมากขึ้น รวมทั้งการใช้มาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีของคู่อาเซียน

"เศรษฐกิจโดยภาพรวมปีหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนสูง และการปรับเพิ่มประมาณการจากผลบวกของงบกลางปี ซึ่งต้องรอประเมินถึงรายละเอียดโครงการ และช่วงเวลาที่เงินจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ชัดเจนอีกระยะหนึ่ง รวมทั้งพิจารณาความเสี่ยงจากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ซึ่งทำให้ศูนย์วิจัยฯ ยังมอง GDP อยู่ที่ 3.3% เท่ากับปี 59 แต่มีความเป็นไปได้ที่มีโอกาสทบทวนในช่วงต้นปีหน้า เพราะจะต้องรอดูงบกลางปีที่ตั้งไว้ 1.6 แสนล้านบาท จะใช้ได้มากน้อยเท่าไร และไปกระจายในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจริงหรือไม่ ซึ่งการใช้งบกลางปีจะมีผลต่อ GDP 0.3-0.5%" นายเชาว์ กล่าว

ส่วนภาคการเงินในปี 60 ยังคงเป็นปีแห่งความผันผวน โดยเฉพาะเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยยังมีอยู่สูง ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 1-2 ครั้ง เพราะนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์จะช่วยหนุนเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 1.50% เพราะแป็นอัตราดอกเบี้ยที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยให้มีการฟื้นตัว

สำหรับส่วนสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้รายได้ (NPL) ของระบบธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในไตรมาส 3/60 ที่ 3.01% จากสิ้นปีนี้ที่ 2.82% โดยกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจะมาจากกลุ่ม SMEs ในธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก, วัสดุก่อสร้าง, โรงแรม รีสอร์ท และธุรกิจด้านการเกษตรบางประเภท ลูกค้าบุคคลรายย่อย และลูกค้าที่เคยปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว โดยในปีหน้ามองว่าการตั้งสำรองของภาคธนาคารไทยจะยังคงมีการตั้งสำรองในระดับ 160% เท่ากับปีนี้

ด้านสินเชื่อของระบบธนาคารในปี 60 คาดว่าจะขยายตัวได้ 4% จากปีนี้ที่ 2.5% โดยสินเชื่อที่จะมีการเติบโตได้ดียังคงเป็นสินเชื่อรายย่อยในกลุ่มสินบ้านและเช่าซื้อ ขณะที่สินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันยังมีการฟื้นตัวในกรอบจำกัด เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีนโยบายเครดิตที่ต้องระมัดระวัง โดยมองว่าหนี้ครัวเรือนจะทรงตัวระดับ 82% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่สินเชื่อธุรกิจยังผลักดันโดยสินเชื่อเอสเอ็มอี หลังได้รับอานิสงส์จากการอัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น และแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น

นายเชาว์ กล่าวถึงแนวโน้มค่าเงินบาทไทยในปี 60 โดยคาดว่าจะยังมีแนวโน้มอ่อนค่า และ ณ สิ้นปี 60 คาดว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 36.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ จากสิ้นปีนี้ที่ระดับ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกในปี 60 ทั้งนี้แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาทในปี 60 จะเป็นการอ่อนค่าแบบที่มีความผันผวน โดยแนะนำผู้ประกอบการต่างๆให้ระมัดระวังความผันผวนของค่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 1/60 เพราะมีปัจจัยและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามากระทบในช่วงต้นปีค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการประกาศนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ว่าจะกระทบกับประเทศใดบ้าง ซึ่งอาจจะมีการทบทวนทิศทางของค่าเงินบาทหลังการประกาศนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่อีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ