นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนา "Mini MoC กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค"ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับโครงสร้างการทำงานในส่วนภูมิภาคใหม่ โดยได้บูรณาการการบริหารแบบกลุ่มจังหวัด และได้ทำการจัดตั้งพาณิชย์ภาค หรือ Mini MoC เพื่อยกระดับการทำงานให้ตอบสนองปัญหาได้อย่างคล่องตัว และเป็นผู้ขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดได้เต็มศักยภาพ ภายใต้แนวคิดที่เน้น "ประสิทธิภาพ ฉับไว ใกล้ชิดประชาชน" และยังสอดคล้องกับแผนเศรษฐกิจจังหวัด 4.0 ที่มุ่งเน้นการผลักดันเศรษฐกิจในระดับจังหวัดให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับรูปแบบการทำงานของพาณิชย์ภาคทั้ง 7 แห่ง จะมีบทบาทเช่นเดียวกันกับกระทรวงพาณิชย์ในส่วนกลาง โดยมีบทบาทสำคัญ คือ การให้บริการและกำกับดูแลธุรกิจการค้า ซึ่งประชาชนสามารถใช้บริการจดทะเบียนและเอกสารต่างๆ การให้บริการข้อมูลตลาด การกำกับดูแลแก้ปัญหาสินค้าเกษตร และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การค้า รวมถึงการกำกับดูแลค่าครองชีพ
ขณะเดียวกันยังต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ตามบริบทเชิงพื้นที่ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดหรือ Area-based Agenda อาทิ การนำจุดเด่นของกลุ่มจังหวัดมาผสมผสาน เพื่อสร้างอัตลักษณ์ให้กับสินค้าและบริการ การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจการค้าโดยใช้ความต้องการของตลาดเป็นตัวตั้ง (Demand-driven) และค้นหาจุดแข็ง/ศักยภาพเชิงพื้นที่ของกลุ่มจังหวัด (Strategic Position) รวมทั้งยกระดับผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้เกาะเกี่ยวในห่วงโซ่ไปสู่ตลาดและส่งเสริมการค้าระหว่างภาคด้วย
นอกจากนี้ จะมีการดำเนินการส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ โดยพาณิชย์ภาคจะมีบทบาทในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากสินค้าเกษตรเฉพาะถิ่น นวัตกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วย (Commercialization) โดยเฉพาะสินค้า หัตถกรรม เกษตรอินทรีย์ และ GI รวมทั้งการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของสินค้าเหล่านี้ ทั้งภายในประเทศและในตลาดเป้าหมาย ตลอดจนแสวงหาโอกาสทางการตลาดรองรับการปลูกพืชทางเลือกต่างๆ
"ควรมีการค้นหาชุมชนต้นแบบที่พัฒนาจากเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการ เพื่อนำมาหาแนวทางขยายผลให้เกิดกับกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ได้ในวงกว้าง เช่น ในกรณีของสินค้าเกษตรอินทรีย์ตามวิถีอิสาน ภายใต้ยโสธรโมเดล ซึ่งมุ่งเน้นการค้าสินค้าเกษตรคุณภาพที่ผ่านการรับรอง และมีการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ภูมิภาค โดยวางแผนร่วมกันระหว่างภาคีตลอดห่วงโซ่มูลค่า"รมว.พาณิชย์ กล่าว
นางอภิรดี กล่าวว่า พาณิชย์ภาคยังจะต้องมีบทบาทเป็นกลไกเชิงรุก ในการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ในประเด็นต่างๆ (Trouble Shooting) โดยวางระบบติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรที่จะออกสู่ตลาดตามฤดูกาล เพื่อเตรียมการตอบสนองข้อเรียกร้อง และรับมือกับปัญหาล่วงหน้าได้ โดยสื่อสารใกล้ชิดกับประชาชน และมีกลยุทธ์การสื่อสารที่สอดรับกับกลุ่มเป้าหมายและวิถีชีวิตเกษตรกรเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในแต่ละพื้นที่
"สิ่งที่ขาดไม่ได้ พาณิชย์ภาคจะต้องน้อมนำหลักทรงงานมาปรับใช้ คือ การเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา โดยต้องไม่เป็นผู้แทนของจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง และต้องมองให้เห็นถึงจุดเด่นและศักยภาพที่แต่ละจังหวัดจะนำมาเชื่อมโยงให้เกื้อกูลกันได้ เพื่อตอบสนองตลาดทั้งภายในและประเทศโดยรอบและใช้กลไกลตลาดแบบประชารัฐเป็นเครื่องมือขับเคลื่อน รวมทั้งมุ่งเน้นการเชื่อมโยงเศรษฐกิจใน 3 ระดับ ได้แก่ ระดับท้องถิ่น ภาค และต่างประเทศ หรือ Linking Local to Regional and Global Economy" นางอภิรดีกล่าว