นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ด้านอุตสาหกรรมยางและการผลิตยาง กล่าวว่า โครงการยางล้อประชารัฐ จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการใช้ยางพาราภายในประเทศ ซึ่งไทยเป็นประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติที่ส่งออกรายใหญ่ของโลก ในปี 2558 มีผลผลิตยางประมาณ 4.47 ล้านตัน สามารถนำไปใช้ภายในประเทศประมาณ 0.6 ล้านตัน คิดเป็น 13.42% ของผลผลิตทั้งหมด และยางส่วนใหญ่ถูกใช้ในการผลิตยางยานพาหนะ 0.34 ล้านตัน คิดเป็น 56.48% ของปริมาณยางทั้งหมด
ขณะเดียวกัน แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ ภายในประเทศจะมีความเติบโตขึ้นในช่วงปี 2560 เนื่องมาจากตลาดส่งออกมีการขยายสู่ภูมิภาคอาเซียนตามแผนการส่งออกรถอีโคคาร์จากเงื่อนไขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น ดังนั้นหากมีการนำผลผลิตยางไปผลิตยางล้อรถยนต์นั่งที่มีส่วนผสมของยางพาราเพิ่มขึ้น และที่สำคัญได้มาตรฐานคุณภาพในราคาต่ำกว่าท้องตลาด จะเป็นโอกาสในการนำวัตถุดิบที่ผลิตได้ในประเทศ เพิ่มรายได้ให้กับประเทศชาติมากขึ้นด้วย
นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการยางล้อประชารัฐ กยท.จะจับมือร่วมกับบริษัทเอกชน ทำการผลิตยางล้อรถยนต์นั่งที่มีส่วนผสมของยางพาราเพิ่มขึ้น โดยนำร่องขอความร่วมมือขายให้กับสหกรณ์รถแท็กซี่ และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ขณะนี้มีรถแท็กซี่ที่ขึ้นทะเบียนประมาณ 73,000 คัน หากทุกคันมีการเปลี่ยนยางล้อปีละ 1 ครั้ง จะมีการใช้ยางล้อ 292,000 เส้น เป็นการใช้ยางเพิ่มขึ้นอย่างน้อยจำนวน 584,000 กิโลกรัมต่อปี
นอกจากนี้ กยท.จะนำโครงการดังกล่าว มาใช้กับรถยนต์ของการยางแห่งประเทศไทยเอง ปัจจุบัน กยท.มีรถยนต์ทั่วประเทศ 333 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 5 คัน รถกระบะ 193 คัน รถตู้ 88 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ 44 คัน และรถบรรทุก 10 ล้อ 3 คัน จะต้องใช้ยางล้อประมาณ 1,400 กว่าเส้น และจะขยายสู่หน่วยงานราชการอื่นๆ ตั้งเป้ารถยนต์ในปี 2560 ประมาณ 5,000 คัน
ทั้งนี้ โครงการยางล้อประชารัฐใช้ระยะเวลาในการดำเนินโครงการประมาณ 2 ปี คือตั้งแต่ม.ค.60 ถึง ธ.ค.61 คาดการณ์ปริมาณการใช้ยางในประเทศจะเพิ่มไม่ต่ำกว่า 48 ตันต่อปี
"หากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐ หรือภาคเอกชน ต่างช่วยกันสนับสนุนการใช้ยางภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับยางพารา จะเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้เกิดการหมุนเวียนภายในประเทศ รวมทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงคุณภาพและความมั่นใจต่อสินค้าของไทย อาจเริ่มต้นจากการผลิตยางล้อ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคคนไทยทุกคนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ และมีการใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตค่อนข้างสูง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคอย่างแน่นอน" นายณกรณ์ กล่าว