ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้รวมทั้งสิ้น 150,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.21%
ทั้งนี้หากแยกรายละเอียดจะแบ่งเป็น เม็ดเงินในส่วนของมูลค่าเงินสะพัดในช่วงปกติของปีใหม่ 129,293 ล้านบาท และเม็ดเงินในส่วนของมูลค่าเงินสะพัดที่มีการใช้จ่ายเพิ่มเติมจากมาตรการของรัฐบาล คือ มาตรการช็อปช่วยชาติ 14,990 ล้านบาท และมาตรการเที่ยวช่วยชาติ 5,784 ล้านบาท
สำหรับสิ่งที่เป็นห่วงในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ใน 5 อันดับแรก คือ อุบัติเหตุในท้องถนน รองลงมา คือ ปัญหาด้านการจราจร, ปัญหาอาชญากรรม, ความปลอดภัยของบ้านพักในช่วงที่ต้องไปค้างที่อื่น และการจี้ ปล้น
ส่วนปัญหาที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ ปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม, เสถียรภาพทางการเมือง, ปัญหาสังคม และการเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ
ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่ประชาชนอยากให้ของขวัญเป็นกำลังใจในการทำงานมากที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รองลงมา คือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 36.7% เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่างอีก 36% ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะดีขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่อีก 16.8% เชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นมาก และอีก 10.5% เชื่อว่าเศรษฐกิจจะยังไม่ดีขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า จากบรรยากาศของเศรษฐกิจที่ยังไม่มีความชัดเจนมากนักในช่วงก่อนหน้านี้จึงทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยไม่สูงมากในรอบ 5 ปี แต่จากบรรยากาศในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล ทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ SMEs และภาคประชาชน ทำให้เกิดความพร้อมในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
"พอรัฐบาลออกมาตรการเที่ยวช่วยชาติ ช็อปช่วยชาติ ประชาชนก็เกิดความมั่นใจในทิศทางการใช้จ่าย และพร้อมที่จะนำเงินที่มีอยู่ออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น เพราะปีนี้มาตรการช็อปช่วยชาติมีระยะเวลาถึง 18 วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีเพียง 7 วันเท่านั้น จึงทำให้คาดว่าปีนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดจากมาตรการช็อปช่วยชาติเข้ามาอีกราว 15,000 ล้านบาท และจากมาตรการเที่ยวช่วยชาติอีกเกือบ 6,000 ล้านบาท ซึ่งรวมเม็ดเงินจากทั้งสองส่วนนี้ก็จะตกราว 2 หมื่นล้านบาท" นายธนวรรธน์ กล่าว
พร้อมระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการจับจ่ายใช้สอย และการท่องเที่ยวนั้นจะส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงเดือน ม.ค. หรือต้น ก.พ.2560 ซึ่งถือว่ายังเป็นบรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอยจากผลของ 2 เทศกาลสำคัญ คือ ปีใหม่ และตรุษจีน ทั้งนี้หากรวมกับแรงในเรื่องการส่งออกที่เติบโตได้ดีดังเช่นล่าสุดในเดือน พ.ย.ที่การส่งออกไทยเติบโตได้ถึง 10.2% ก็จะเป็นแรงส่งสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2560 ประกอบกับการจัดสรรงบประมาณกลางปีเพิ่มเติมอีก 1.9 แสนล้านบาท ลงไปในส่วนของหมู่บ้านและชุมชนเมืองใน 18 กลุ่มจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ราวปลาย ก.พ.60 หรืออย่างช้าไม่เกิน เม.ย.60 ก็จะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปีหน้าเติบโตได้เป็นอย่างดี โดย ม.หอการค้าไทย ยังคงประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2560 ไว้ที่ 3.6% หรือเติบโตในกรอบ 3.4-4.0%
สำหรับผลการสำรวจในประเด็นด้านการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ พบว่า ในช่วงปีใหม่ 2560 ประชาชนเลือกที่จะเดินทางในประเทศ 84.9% และเดินทางต่างประเทศ 15.1% โดยส่วนใหญ่จะเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.59 ถึง 3 ม.ค.60 เฉลี่ยประมาณ 4-5 วัน ทั้งนี้หากเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกเดินทางไปภูเขาเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ทะเล, โบราณสถาน, น้ำตก และสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และผลการสำรวจพบว่า หากเป็นการเดินทางภายในประเทศ จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 12,818 บาท ส่วนการเดินทางต่างประเทศ จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 65,357 บาท