สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ได้ปรับคาดการณ์การส่งออกของไทยในปีนี้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 0% จากเดิมที่เคยคาดว่าจะหดตัว -0.8% ในขณะที่ปี 2560 คาดว่าการส่งออกไทยจะเติบโตได้ 1-2% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจาก 1.การฟื้นตัวของราคาน้ำมันมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก 2.การปรับตัวของผู้ส่งออกไทย
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญ มาจาก 1.สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการค้าระหว่างประเทศ 2.มาตรการกีดกันทางการค้า 3.การเมืองระหว่างประเทศ และ 4.ภัยธรรมชาติที่รุนแรงและบ่อยครั้งมากขึ้น
สำหรับการส่งออกของไทยในเดือนพ.ย.59 ที่สามารถเติบโตได้ถึง 10.19% นั้น ได้รับปัจจัยจากราคาทองคำในตลาดโลก, ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น และประเทศคู่ค้าสำคัญเร่งสต็อกสินค้า
นายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สภาผู้ส่งออก คาดการส่งออกในปี 59 จะอยู่ในภาวะทรงตัวที่ 0% หลังการส่งออกในเดือน พ.ย.59 เติบโตสูงสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงปลายปีกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าอย่างจีนที่กลับมาขยายตัวถึง 22% ส่วนในปี 60 คาดจะโตเพิ่มจากเดิมที่คาดไว้ก่อนหน้านี้เป็น 1-2%
"ภาวะการส่งออกในปีนี้ค่อนข้างผันผวน แต่ยังไม่กล้ายืนยันว่าการส่งออกในปีหน้าจะเติบโตได้มากน้อยเพียงใด คงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วง Q1/60 ว่าราคาน้ำมันและทองคำจะเป็นอย่างไร" นางคงฤทธิ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ในปีหน้าหวังว่าปัจจัยสำคัญเรื่องราคาน้ำมันค่อนข้างนิ่ง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีเสถียรภาพ ขณะที่ผู้ส่งสินค้าทางเรือมียอดจองตู้ค่อนข้างแน่น
ด้านนายวัลลภ วิตนากร รองประธาน สรท. คาดว่า ในปี 60 การส่งออกสินค้าเกษตรจะมีราคาเพิ่มขึ้น เช่น ข้าว โต 2% แต่น่าเป็นห่วงหากมีปริมาณการผลิตเพิ่มมากขึ้น, ยางพารา โต 8%, มันสำปะหลังโต 3% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์โต 8% ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์ตั้งเป้าไว้ที่ 1.22 ล้านคัน
ทั้งนี้ กำลังผลักดันให้นำสินค้าบางประเภทออกจากการพิจารณาเรื่องภาวะการส่งออก เช่น ทองคำไม่ขึ้นรูป เนื่องจากเป็นเรื่องของการค้าไม่ใช่การผลิตสินค้าเพื่อส่งออก ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้น่าจะเหมาะสม เพราะราคาทองคำไม่มีผลต่อภาวะการค้าระหว่างประเทศเหมือนช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่นายนพพร เทพสิทธา ประธาน สรท. กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ สรท.คาดการณ์ส่งออกในเดือน พ.ย.59 ผิดพลาดไป มาจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมัน, ทองคำ และยอดสั่งสินค้าที่สูงกว่าเดือน ต.ค.ซึ่งผิดไปจากทุกปีที่ผ่านมา เพราะมีการตุนสินค้าล่วงหน้า พร้อมมองว่า ทิศทางการส่งออกของไทยที่ดีขึ้นมาจากปัจจัย 1.สินค้าที่มีความหลากหลาย 2.การดูแลอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทำให้เกิดเสถียรภาพ ไม่ผันผวน และ 3.ความมั่นคงทางการเมือง แต่ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าเป็นห่วง คือ ความอ่อนไหวของราคาสินค้าในหมวด commodity ที่กำหนดโดยตลาดต่างประเทศ