นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 60 กระทรวงได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกขยายตัวที่ 3% แต่จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่า น่าจะขยายตัวได้ถึง 3.5% เพราะภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกไทย รวมถึงกระทวงฯยังมีแผนเจาะตลาดต่างๆ เพิ่มเติม
"ปีหน้า กระทรวงฯ จะเน้นการผลักดันการส่งออก โดยได้วางยุทธศาสตร์เป็นพันธมิตรกับประเทศคู่ค้าเพิ่มมากขึ้น หรือขยายความสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้น โดยประเทศที่ไทยจะขยายความสัมพันธ์เพิ่มเติม คือ ตลาดเอเชีย เช่น จีน อินเดีย ที่จะเจาะลึกเป็นรายมณฑล, ตลาดซีแอลเอ็มวี จะเน้นเมียนมา และกัมพูชา รวมถึงตะวันออกกลาง แอฟริกา ปากีสถาน และตลาดหลักทั้งสหรัฐฯ อียู ญี่ปุ่น"นางอภิรดี กล่าว
สำหรับในปี 59 แม้การส่งออกในช่วงต้นปี 59 กระทรวงฯ และภาคเอกชนร่วมกันส่งเสริมและผลักดันอย่างเต็มที่ แต่มูลค่าการส่งออกไทยยังติดลบอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงปลายปี การทำงานหนักเริ่มเห็นผล ประกอบกับ สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้มูลค่าส่งออกเริ่มกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้
ส่วนผลงานอื่นๆ ที่น่าพึงพอใจของกระทรวงพาณิชย์ในปี 59 คือ การดูแลราคาข้าวให้ดีขึ้น เพราะมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการ ทำให้ชาวนาได้รับอย่างทั่วถึง มีรายได้ที่เหมาะสม และราคาข้าวมีเสถียรภาพที่สำคัญยังทำให้ราคาข้าวไทย สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และไทยสามารถดึงส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูญเสียไปให้กลับคืนมาได้ในหลายตลาดส่งผลให้ในปีนี้ ไทยสามารถส่งออกข้าวได้มากกว่า 9.5 ล้านตัน ส่วนปี 60 น่าจะส่งออกได้ประมาณ 10 ล้านตัน
ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกในประเทศสูงขึ้น และมีเสถียรภาพ โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 11,000-12,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวก็ใกล้เคียงกัน ทำให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาดีขึ้น ส่วนสินค้าเกษตรอื่นๆ มีราคาดีขึ้นเช่นกัน จากมาตรการของรัฐบาล ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง รวมถึงผลไม้ต่างๆ