นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการลงพื้นที่พบกลุ่มเกษตรกรจะพบว่านอกจากพ่อค้าคนกลาง หรือผู้ส่งออกรายเดิมๆ แล้ว ขณะที่เกษตรกรอยากได้ช่องทางอื่นที่จะกระจายสินค้า ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้เข้าไปช่วยเกษตรกรในการให้ความรู้ด้านการตลาด การเชื่อมโยงตลาด โดยการขายข้ามภาคไปยังแหล่งที่มีความต้องการ เช่น ขายข้าวจากภาคอิสานไปภาคใต้ หรือขายผลไม้ไปยังจังหวัดที่ไม่มีผลผลิต ล่าสุดได้มีการนำทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน e-Commerce ลงพื้นที่จังหวัดยโสธร ชัยนาท ให้ความรู้ด้านการทำการค้า Online ทำให้สามารถนำข้าวออแกนนิคขายผ่านเว็บไซต์ www.thaitrade.com ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมาก ช่วยลดการกระจุกตัวของสินค้าเกษตรลงไปได้ แต่ก็เป็นการช่วยเป็นครั้งๆ ไป
ในปีนี้กระทรวงฯ จะยกระดับการดำเนินการในลักษณะการบูรณาการข้อมูล ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อวางแผนการตลาดครบวงจรที่เรียกว่า คลังข้อมูล Big Data ซึ่งผู้บริหารกระทรวงฯ สามารถติดตามสถานการณ์ วางแผนการตลาดหรือมาตรการต่างๆ ล่วงหน้าก่อนฤดูกาลได้ทันทีผ่านห้อง War Room ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะเริ่มจากข้อมูลใน 5 ส่วน ดังนี้
1. ข้อมูลสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์ม พืชหัว ผลไม้ เป็นการรวบรวมข้อมูลด้านแหล่งผลิต ปริมาณผลผลิต ราคาสินค้า ช่วงฤดูกาลสินค้า ผู้ประกอบการ ในพื้นที่ กระดาน ใครอยากซื้อ...ใครอยากขาย เพื่อจะให้ผู้ต้องการซื้อได้มีโอกาสติดต่อกับเกษตรกรซึ่งอยู่กันคนละภาค โดยจะให้สำนักงานพาณิชย์เป็นผู้รวบรวมข้อมูลส่งมาประมวลที่ส่วนกลาง
2. ข้อมูลสถิติการค้าระหว่างประเทศ
3. ข้อมูลเตือนภัยล่วงหน้า เช่น สินค้าขาดแคลนหรือล้นตลาด รวมทั้งความเคลื่อนไหวของราคาสินค้า
4. ข้อมูลเกี่ยวกับค่าครองชีพ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น
5. การบริหารจัดการโควต้า
ทั้งนี้ ในอนาคตกระทรวงฯ จะผลักดันให้มีการดำเนินงานในลักษณะ Paperless ให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการดำเนินการแล้ว เช่น ในเรื่องการออกใบอนุญาต การขอขึ้นทะเบียน GI และในไตรมาสแรกของปี 2560 จะได้เห็นระบบ e-Registration ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอย่างแน่นอน
รมวงพาริชย์ กล่าวว่า โครงการ Big Data จะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันการวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพ และช่วยแก้ปัญหาการตลาดสินค้าเกษตรครบวงจร ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากส่วนต่างๆ