นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารมีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพือพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหรือลงทุนในการพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ได้แก่ การทำพืชไร่ พืชสวน ผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น ปศุสัตว์ และประมง
โดยมีกลุ่มเป้าหมายจานวน 2,000 กลุ่ม วงเงินให้สินเชื่อกลุ่มละไม่เกิน 10 ล้านบาท รวม 20,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยอัตรา 3.01% ต่อปี โดยกลุ่มรับภาระดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ย 3.0% ต่อปี ระยะเวลารวม 5 ปี โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 – 30 เมษายน 2570 จ่ายเงินกู้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 – 31 ธันวาคม 2564
นายสุพัฒน์ กล่าวว่า ในปัจจุบันธนาคารได้จ่ายสินเชื่อให้กับกลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ปีการผลิต 2559/60 ไปแล้วจำนวน 53 กลุ่ม วงเงินสินเชื่อ 133.55 ล้านบาท จำแนกได้ ดังนี้ สหกรณ์การเกษตร 6 กลุ่ม เป็นเงิน 27.46 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกร 10 กลุ่ม เป็นเงิน 20.36 ล้านบาท กลุ่มวิสาหกิจชุมชน 37 กลุ่ม เป็นเงิน 85.73 ล้านบาท ซึ่งวัตถุประสงค์การกู้เงินของกลุ่มส่วนใหญ่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านปัจจัยในด้านการผลิต การเก็บเกี่ยวรวบรวมรับซื้อข้าวจากสมาชิก
ทั้งนี้จากการติดตามผลกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนาร่องดังกล่าวพบว่า แต่ละกลุ่มมีความพร้อมในการบริหารจัดการ การให้ความร่วมมือของสมาชิกในกลุ่ม การใช้เงินกู้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และโอกาสการชาระคืนหนี้เงินกู้ของกลุ่มส่วนใหญ่อยู่ในระดับดีเยี่ยม
"รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสาคัญของการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรไทยได้อย่างยั่งยืน จึงได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการรวมกลุ่มของเกษตรกรให้เป็นกลุ่มที่เข้มแข็ง มีเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอทำหน้าที่ผู้จัดการแปลงเป็นผู้นาสร้างการมีส่วนร่วม และ ธ.ก.ส. ต้องติดตาม แนะนำ กำกับอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ โดยกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถบริหารจัดการการผลิตและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นคงในอาชีพ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน" นายสุพัฒน์กล่าว