นายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การประเมินเบื้องต้นถึงผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ พบว่าก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ โอกาสการลงทุน การสูญเสียรายได้ของประชาชนและภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว ภาคขนส่งคมนาคม ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรมไม่ต่ำกว่า 85,000-123,841 ล้านบาท กระทบผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) คิดเป็น 0.58-0.84% อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นจาก supply shock ภาคการบริโภคชะลอตัวลง การว่างงานในภาคใต้เพิ่มขึ้นชัดเจนแต่อัตราการว่างงานทั้งประเทศยังคงต่ำกว่า 2% การสูญเสียรายได้และความเสียหายเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวไม่น่าจะต่ำกว่าสัปดาห์ละ 6,000 – 11,000 ล้านบาท ความเสียหายในภาคเกษตรกรรมไม่น่าจะต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท
กรณีดังกล่าวจะส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการและนักลงทุน ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมภาคใต้ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้น่าจะลดอย่างชัดเจน
ความเสียหายต่อทรัพย์สินโดยรวมยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจนเนื่องจากต้องมีการสำรวจหลังน้ำลด อย่างไรก็ตามเนื่องจากน้ำท่วมครั้งนี้มีลักษณะเป็นน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันความเสียหายต่อทรัพย์สินจึงค่อนข้างมาก เพราะเตรียมการรับมือไม่ได้ดีนัก มีพื้นที่ได้รับผลกระทบถึง 10 จังหวัด ครอบคลุม 85 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 700,000 คน ถึง 1,000,000 คน เส้นทางคมนาคมในหลายพื้นที่ถูกตัดขาดทำให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก และสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการเร่งด่วน คือหยุดการสูญเสียชีวิตของประชาชนจากน้ำท่วมให้ได้มากที่สุด
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งเยียวยาประชาชน เกษตรกร ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่เดือดร้อน เตรียมรับมืออาหารทะเลราคาแพงขึ้น หรือกุ้งอาจขาดแคลนเนื่องจากบ่อกุ้งได้รับความเสียหายหนักในพื้นที่นครศรีธรรมราช สุราษฎรธานี แนวโน้มราคายางพารา น้ำมันปาล์มปรับตัวสูงขึ้น โดยเสนอให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือให้เปล่าจากงบกลางไม่ต่ำกว่า 5,000-10,000 ล้านบาททันที การใช้มาตรการทางการเงิน ด้วยการลดดอกเบี้ย ยืดหนี้ ดอกเบี้ยต่ำกู้เงินเพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูสภาพ มาตรการภาษี ด้วยการลดภาษีนิติบุคคลสำหรับกิจการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง มาตรการใช้จ่ายภาครัฐ โดยการอัดฉีดเม็ดเงินหลังน้ำท่วมเพื่อซ่อมแซมสาธารณูปโภคสาธารณูปการที่ได้รับความเสียหาย มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้เป็นการเฉพาะ
ทั้งนี้ หากสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟื้นฟูให้กลับเข้าสู่ภาวะปรกติโดยเร็ว เร่งการลงทุนเพื่อซ่อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เสียหาย ย่อมทำให้ตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปี 2560 ยังจะเติบโตในระดับ 3.6-4.2% ได้ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ช่วงปลายปี 2559
ส่วนท่าทีในการกีดกันการค้ามากขึ้นตามลำดับของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะสร้างความไม่แน่นอนต่อระบบการค้าเสรีของโลกเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกไทยมากนัก และตัวเลขส่งออกในปีนี้น่าจะเป็นบวกและรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่อาจเติบโตจากปีที่แล้ว 5-8% แต่ต้องเร่งฟื้นฟูภาคใต้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญโดยเร็วหลังน้ำลด