นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ประเมินความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมภาคใต้ในเบื้องต้นไว้ที่ 10,000 ล้านบาท หรืออย่างมากไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าส่งผลกระทบต่อ GDP มากนัก เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้เป็นแบบไปเร็วมาเร็ว ไม่ได้ท่วมขังนาน น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว
"ผลกระทบส่วนใหญ่ที่ได้รับความเสียหายที่ถนน และสะพาน ไม่ได้กระทบต่อเครื่องจักร ซึ่งในส่วนนั้นจะมีประกันภัยความเสียหายอยู่แล้ว ผมกลับมองในแง่ดีว่าเมื่อมีการซ่อมสร้างหลังจากน้ำลดจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยซ้ำไป"นายเจน กล่าว
พร้อมมองว่า หากเทียบกับสถานการณ์น้ำท่วมในปี 54 ที่เศรษฐกิจฟุบลงแต่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในปีถัดไป ในแง่เศรษฐกิจน่าจะเป็นผลดีด้วยซ้ำไป แต่ขณะนี้เรามองในเรื่องของความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่า ส่วนปัญหาในด้านการขนส่งนั้นก็มีอยู่บ้างซึ่งก็ต้องใช้วิธีการเลี่ยงเส้นทางหรือชะลอการขนส่งออกไปก่อน แต่คาดว่าภายในสัปดาห์นี้สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย ซึ่งไม่ใช่ประเด็นใหญ่
ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยวว่า เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมไม่ใช่จุดท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กระบี่ ภูเก็ต ดังนั้น จึงไม่เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาพรวม ประกอบกับก่อนหน้านี้เคยประเมินว่าผลกระทบจากการปราบปรามเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ จะทำให้การขยายตัวของการท่องเที่ยวชะลอตัวลง
ขณะที่นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินนั้น คงต้องรอประเมินสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะไปในลักษณะเรื่องของการชะลอการชำระหนี้และการให้สินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อซ่อมแซม แต่หากเทียบกับความเสียหายของเหตุน้ำท่วมเมื่อปี 54 ครั้งนี้ไม่น่าจะมีผลในเชิงเศรษฐกิจมหภาคมากนัก