น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังขยายวงเงินทดรองราชการ ในอำนาจอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพิ่มอีก 50 ล้านบาท จากเดิมที่มีวงเงิน 50 ล้านบาท และได้ใช้จ่ายเงินภายในวงเงินดังกล่าวเกือบครบแล้ว ซึ่งไม่เพียงพอกับการให้ความช่วยเหลือสำหรับภารกิจเร่งด่วนครั้งนี้
"เนื่องจากขณะนี้ พื้นที่ภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น ประกอบกับคาดว่าลักษณะอากาศภาคใต้ ยังคงมีฝนตกหนาแน่นต่อไปจนถึงช่วงกลางเดือนมกราคม 2560 ทำให้ต้องขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มอีก" อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ
โดยขณะนี้มีจังหวัดที่ประกาศขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 8 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, พัทลุง, ปัตตานี, ตรัง และจังหวัดสงขลา มีพื้นที่ประสบภัยรวม 89 อำเภอ 540 ตำบล 4,145 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 21 ราย สูญหาย 1 ราย (ข้อมูลวันที่ 8 ม.ค.60)
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด เพิ่มจากเดิมที่เคยได้รับอีก 50 ล้านบาท เพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายสำหรับกรณีที่ต้องใช้วัสดุ อุปกรณ์ หรือยานพาหนะพิเศษ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการช่วยเหลือด้านต่างๆ รวมถึงความจำเป็นในการจัดส่งเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงอย่างรุนแรง มีน้ำป่าไหลเชี่ยวกราก ดินโคลนถล่ม ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเหล่านี้ หลักเกณฑ์เดิมเบิกจ่ายไม่ได้ แต่สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ กระทรวงการคลังให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในกรณีดังกล่าวได้
"การขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มอีก 50 ล้านบาท มีเป้าหมายให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้ประสบภัยทุกจังหวัดในภาคใต้ที่เกิดภาวะน้ำท่วมหนักรุนแรงและต่อเนื่อง เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้างได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ทั่วถึง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติงานด้านความช่วยเหลือได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ประกอบกับทำให้ผู้ประสบภัยมีเงินเพียงพอกับการใช้จ่ายในช่วงเวลาวิกฤต ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการบูรณาการแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" น.ส.สุทธิ รัตน์ กล่าว