นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง“2560 จุดเปลี่ยนประเทศไทย" โดยมั่นใจว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทย GDP ปีนี้มีโอกาสโตได้เกินกว่า 3-4% จากการเดินหน้าการปฎิรูปด้านต่าง ๆ และการวางรากฐานในปีที่ผ่านมา
ปัจจัยที่จะเอื้อทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ต่อเนื่อง มาจากการที่เศรษฐกิจประเทศใหญ่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออก รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรก็ปรับตัวดีขึ้น และการท่องเที่ยวก็กลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่ นอกจากนั้น รัฐบาลยังจัดเตรียมงบประมาณบูรณาการในระดับจังหวัด
"สิ่งสำคัญคือการเร่งสร้างความเชื่อมั่นและประคับประคองช่วยกันให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้า ซึ่งหากโครงการต่างๆ สามารถสำเร็จได้ ก็จะมีเครื่องยนต์ใหม่ๆ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เชื่อว่า Timing มาถึงแล้วในปี 2017 ผมค่อนข้างมั่นใจ สิ่งสำคัญคือความมั่นใจทางการเมือง ซึ่งส่งผลทำให้เริ่มกลับมามีความมั่นใจทีละนิด และส่งผลต่อการลงทุน การบริโภค สินค้าเกษตรก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น"นายสมคิด กล่าว
สำหรับสิ่งที่จะเป็นจุดเปลี่ยนในปีนี้ นายสมคิด มองว่า ประกอบด้วย 4 เรื่องสำคัญ คือ 1. การเดินหน้า Digital Economy เพราะในยุคปัจจุบันทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไปสู่ยุค digital และนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ปีนี้ต้องพยายามผลักดันการลงทุนอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ระดับหมู่บ้านให้เกิดขึ้นให้ได้เพื่อให้มีส่วนช่วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค การค้าขาย และการศึกษา เพราะไม่เช่นนั้นเวียดนามอาจแซงหน้าไป โดยรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณไว้ดำเนินการ 1.5 หมื่นล้านบาทแล้ว
2.การผลักดันการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Infrastructure) โดยเน้นไปที่โครงการรถไฟทางคู่ ถนน โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่จะเป็นแหล่งบ่มเพาะการเกิดนวตกรรมใหม่ ๆ และเป็นแหล่งสร้างสตาร์ทอัพใหม่ๆ ซึ่งปีที่แล้วเป็นการเตรียมความพร้อมโครงการ และมั่นใจว่าจะออกกฎหมายมารองรับได้ภายในไตรมาส 1/60
3.การพัฒนาด้านการเกษตร ซึ่งรัฐบาลจะเน้นให้เกิด Smart Farmer โดยรัฐบาลมีแนวคิดส่งเสริมให้แต่ละหมุ่บ้านมีผู้นำที่มีความรู้ทาง e-commerce และ digital ต่อยอดการขายสินค้าเกษตรจากพื้นที่โดยตรง การสร้างแบรนด์สินค้าของตนเอง ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งสริมด้าน e-commerce ให้เกิดขึ้น และเป็นผลดีในการต่อยอดด้านโลจิสติกส์ด้วย
4.รัฐบาลจะเน้นการกระจายงบประมาณลงสู่ระดับกลุ่มจังหวัดและจังหวัดมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีแผนงานโดยใช้งบกลางจำนวน 1 แสนล้านบาทในการกระจายงบไปตามกลุ่มจังหวัด ซึ่งจะให้แต่ละพื้นที่คิดยุทธศาสตร์การพัฒนาแทนคำการสั่งการจากส่วนกลาง และในปีงบประมาณ 61 จะมีการเพิ่มเม็ดเงินกลุ่มจังหวัดมากขึ้นและลดงบในส่วนกลางให้น้อยลง
นายสมคิด กล่าวต่อว่า หลังจากนี้หน้าที่ของรัฐบาล คือ การสร้างสรรค์และผลักดันทำให้ทุกโครงการเกิดความยั่งยืน ซึ่งจะลงไปตรวจการบ้านในแต่ละโครงการให้มากยิ่งขึ้นเพื่อกระตุ้นการทำงาน ส่วนโครงการขนาดใหญ่ นายกรัฐบาลให้มีการทำงานผ่านคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง โดยในวันพฤหัสบดีนี้นายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุมเพื่อผลักดันโครงการ EEC และการจัดสรรงบกลางลงสู่ระดับจังหวัด
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกปีนี้ ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะดีขึ้นเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ โดยเชื่อว่าจะมีผลบวกในช่วงระยะแรก ส่วนเศรษฐกิจจีนมีเสถียรภาพอยู่แล้ว หากไม่มีสิ่งใดมากระทบมากก็เชื่อว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งจีนมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภายใน เน้นให้เกิดสตาร์ทอัพในประเทศมากขึ้นด้วย ส่วนเศรษฐกิจยุโรปแม้ว่ายังไม่ดี แต่เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อไทยมากนัก