นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ได้เสนอขออนุมัติการทำสัญญากับบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (NCC ) ที่ได้มีการปรับปรุงใหม่ เพื่อแก้ปัญหาสัญญาในรูปแบบเดิมที่ค้างคามานาน ซึ่งภายใต้สัญญาใหม่นี้จะทำให้ NCC ต้องลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
สำหรับปัญหาของ NCC คือ มีการทำสัญญาในรูปแบบเดิมในการเช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ในการพัฒนาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และกำหนดรูปแบบโครงการขนาดใหญ่ ประกอบด้วย ศูนย์การค้า และโรงแรม แต่ NCC ไม่สามารถก่อสร้างได้ นอกจากนี้ในสัญญาแบบเก่ายังกำหนดให้นับระยะเวลาสัญญาสัมปทานเมื่อมีการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ จึงทำให้เป็นปัญหา
นายจักรกฤศฎิ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ได้เจรจาปรับปรุงสัญญาใน พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) และจะนับอายุสัญญาทันทีที่มีการเริ่มก่อสร้างโครงการ พร้อมทั้งปรับรูปแบบโครงการให้เหลือเพียงการก่อสร้างศูนย์ประชุมขึ้นมาใหม่บนพื้นที่เดิม ซึ่งมีความสูงไม่เกิน 23 เมตร อายุสัญญา 50 ปี โดยกรมฯ จะได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 5,100 ล้านบาท หรือคิดเป็นเม็ดเงินรวม 1.8 หมื่นล้านบาท จากข้อตกลงเดิมที่มีอายุสัญญา 37 ปี กรมได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่า NCC จะใช้เวลาก่อสร้างศูนย์ประชุมแห่งใหม่บนพื้นที่เดิมประมาณ 3-4 ปี
พร้อมกันนี้ กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการแก้ไขสัญญาของที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตกับบริษัท บางกอก เทอร์มินัล ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่จอดรถ และไม่สามารถเก็บค่าเช่าได้ เนื่องจากติดปัญหาสัญญาในรูปแบบเดิม โดยขณะนี้ได้สรุปรูปแบบการก่อสร้างและปรับสัญญาร่วมทุนแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบเงื่อนไขสัญญาของสำนักงานอัยการสูงสุด ก่อนจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ซึ่งโครงการภายใต้สัญญาใหม่นี้จะมีมูลค่าการลงทุนราว 20,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 63 ไร่
รูปแบบโครงการดังกล่าว จะให้รองรับความต้องการของทุกหน่วยงานที่ต้องการเข้ามาใช้พื้นที่ รวมทั้งจะมีการเตรียมพื้นที่บางส่วนสำหรับการเชื่อมโยงโครงข่ายขนส่งมวลชนประเภทอื่นไว้ด้วย ซึ่งโครงการพัฒนาหมอชิตบนที่ราชพัสดุจะมีรูปแบบทั้งอาคารที่เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาคารพาณิชย์ให้เช่า และคอนโดมีเนียมสำหรับอยู่อาศัย ทั้งนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างสรุปตัวเลขผลตอบแทน เบื่องต้นจะได้รับค่าฐานราก 1.2 พันล้านบาท และค่าธรรมเนียมรวมถึงค่าเช่าตลอดอายุสัญญา 500 ล้านบาท