นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นตัวแทนรฟท.ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงคุณธรรม 3 ฝ่าย กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมเสนอราคาในการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 2 โครงการ คือเส้นทางช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ และ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ และผู้สังเกตการณ์จากภาคประชาสังคม เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใส
โดยเส้นทางช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ มีผู้เข้าร่วมเสนอราคามาลงนาม 25 รายจากทั้งหมดที่มาซื้อซองประมูล 28 ราย และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ มีผู้เข้าร่วมเสนอราคามาลงนาม 22 รายจากทั้งหมดที่มาซื้อซองประมูล 23 ราย
นายวุฒิชาติ กล่าวว่า การรถไฟฯ ได้ยึดแนวปฏิบัติในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการต่อต้านการคอร์รัปชั่น เพื่อสร้างความโปร่งใสในการบริหารงานภายในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการคัดเลือกโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 2 โครงการ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เข้ามาร่วมลงนาม 3 ฝ่ายในข้อตกลงคุณธรรม เนื่องจากทั้ง 2 โครงการนี้มีงบประมาณลงทุนรวมกันกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงเป็นระดับต้น ๆ เมื่อเทียบกับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายอื่น อีกทั้งยังมีความสลับซับซ้อนในขั้นตอนการก่อสร้าง ดังนั้นจึงมีความเหมาะสมที่จะแสดงออกให้เห็นถึงความโปร่งใส โดยเปิดให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามและตรวจสอบการเสนอราคา
“การลงนามบันทึกข้อตกลงคุณธรรม เป็นข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรร่วมกัน 3 ฝ่าย ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่สนใจเข้ามาเป็นผู้เสนอราคา และผู้สังเกตการณ์ เพื่อแสดงเจตนารมย์ร่วมกันว่าจะไม่มีการกระทำการใดๆ ที่ส่อไปในทางทุจริต เช่น ไม่เรียกรับเงินสินบนหรือผลประโยชน์ และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใสและเป็นธรรม ตลอดจนยอมรับให้มีบุคคลที่สามที่มาจากภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ เสนอแนะแนวทางป้องกันการทุจริตใน กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำร่างขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) จนถึงสิ้นสุดลงนามในสัญญาได้"ผู้ว่าการรฟท. กล่าว
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ มีระยะทาง 148 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 24,842 ล้านบาท และ ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ มีระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 29,853 ล้านบาท
ทั้งนี้ รฟท.ได้เปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางพร้อมกันคือ 2 เส้นทางดังกล่าว ส่วนอีก 3 เส้นทางด้านใต้ได้แก่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กิโลเมตร วงเงิน 19,271 ล้านบาท, ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร วงเงิน 9,990 ล้านบาท และ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 16,500 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท
เจ้าหน้าที่วิศวกรผู้รับผิดชอบโครงการทางคู่ 5 เส้นทางดังกล่าว กล่าวว่า การรถไฟฯจะเปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลราคาทั้ง 5 เส้นทางในวันที่ 3 ก.พ. 60 และ 17 ก.พ.60 จะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติและด้านเทคนิคที่จะเป็นผู้เสนอราคาด้วยวิธีอิเล็กทรกนิกส์ (e-Auction) ที่กำหนดในวันที่ 1 มี.ค.60 และคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในปลายมี.ค.60
ผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า การรถไฟฯ เตรียมนำเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 มี 9 เส้นทาง รวมมูลค่ากว่า 3.98 แสนล้านบาท จะผลักดันให้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในปีนี้ หากผ่านจะเปิดประมูลภายใน 90 วัน โดยในวันที่ 20 ม.ค.นี้จะพิจารณาโครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทางดังกล่าว โดย 2 เส้นทางเป็นเส้นทางใหม่ คือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม และจะนำทั้ง 9 โครงการนำเข้าบันทึกข้อตกลงคุณธรรมด้วย
ทั้งนี้ 9 เส้นทางดังกล่าวได้แก่ 1.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 23,384 ล้านบาท 2.ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา 51,823 ล้านบาท 3.ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 7,941 ล้านบาท 4.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 56,066 ล้านบาท 5.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ 59,924 ล้านบาท 6.ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 76,978 ล้านบาท 7.ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 26,065 ล้านบาท 8.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี 35,839 ล้านบาท และ 9.ช่วงบ้านไผ่-นครพนม 60,351 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่วิศวกร รฟท. กล่าวว่า ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงบ้านไผ่ - นครพนม ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ (คชก.) ส่วนเส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ผ่านขั้นตอนคชก.แล้วและกำลังเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยทั้ง 2 เส้นทางคาดว่าจะเปิดประมูลได้ไม่เกินก.ย.60