นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งเป้าให้ปีนี้เป็นปีทองแห่งการค้าและการลงทุนของไทย กระทรวงฯ เตรียมนำกลยุทธ์การเจรจาการค้ารูปแบบหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ หรือ strategic partnership มาใช้ในการเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยพิจารณาถึงความต้องการของทั้งสองฝ่ายซึ่งจะต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนเร่งแก้ไขปลดล็อคปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่เดิมแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เพื่อแก้ไขปัญหาให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว
"กระทรวงฯ อยู่ระหว่างจัดทำการวิเคราะห์ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยในเชิงลึก เบื้องต้นคาดว่าจะประกอบด้วยประเทศหลักๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร รัสเซีย กลุ่ม CLMV จีน ญี่ปุ่น ปากีสถาน อินเดีย และอิหร่าน โดยจะต้องดูว่าไทยต้องการอะไรจากเขา เขาต้องการอะไรจากเรา และจะมีข้อเสนออะไรต่อกัน ซึ่งจะต้องสามารถเกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจน มีความครอบคลุม และกระจายไปในแต่ละภูมิภาคอย่างทั่วถึง" นางอภิรดี กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในปีนี้ตนเองมีกำหนดเดินทางไปเจรจาขยายการค้าการลงทุนกับหลายๆ ประเทศ เฉพาะในเดือน ก.พ.60 มีกำหนดเยือนประเทศต่างๆ โดยในช่วงต้นเดือนจะร่วมคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไปเยือนเมียนมา เพื่อนำคณะเอกชนไปเจรจาขยายความร่วมมือ 4 กลุ่มธุรกิจเป้าหมาย คือ กลุ่มโลจิสติกส์-ก่อสร้าง กลุ่มภาคการผลิต กลุ่มสุขภาพ และกลุ่มพลังงาน, การเดินทางไปร่วมประชุมขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจสิงคโปร์กับไทย หรือ การประชุม STEER ไทย-สิงคโปร์ ครั้งที่ 5 ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขยายความสัมพันธ์การค้าการลงทุนระหว่างกัน และในปลายเดือน ก.พ.60 จะนำคณะนักธุรกิจด้านสินค้าอาหารและบริการไปเยือนงาน Gulf food ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกลาง ซึ่งเป็นตลาดศักยภาพของไทยทั้งสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป เพื่อใช้ดูไบเป็นฐานสร้างความเชื่อมโยงเข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันประเทศไทยมีความตกลง FTA ที่มีผลบังคับใช้แล้ว 12 ฉบับ กับ 17 ประเทศคู่ค้า ครอบคลุมมูลค่าการค้า 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของมูลค่าการค้ารวมของประเทศ การทำ FTA ที่ผ่านมามีผลทำให้การค้าขยายตัวอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การค้าไทยกับอินเดียมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 7,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, การค้าไทยกับออสเตรเลียมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 4,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าในปีนี้จะเจรจาเสร็จอีก 2 ฉบับ คือ FTA ไทย-ปากีสถาน และ FTA อาเซียน-ฮ่องกง