นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในปี 60 กรมธนารักษ์จะนำที่ราชพัสดุที่มีศักยภาพจำนวน 14 แปลง ใน 12 จังหวัดมาเปิดประมูลหาผู้ลงทุน โดยกำหนดเปิดจำหน่ายซองประมูล ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.-23 ก.พ.60 และกำหนดยื่นซองประมูลในวันที่ 25 เม.ย.ณ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ที่แปลงที่ราชพัสดุนั้น ๆ ตั้งอยู่
สำหรับพื้นที่แปลงใหญ่ จำนวน 3 แปลง ใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย แปลงวังค้างคาว กทม. เขตคลองสาน กรุงเทพฯ (กท.2723) เนื้อที่ 0-3-29 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 15.6 ล้านบาท และ (กท.0580 ) เนื้อที่ 1-2-40 ไร่ โดยกำหนดมูลค่าโครงการที่จะพัฒนาต้องไม่ต่ำกว่า 44.8 ล้านบาท, แปลงเกาะกูด จ.ตราด (ตร.455) เนื้อที่ 48-2-80 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 87.6 ล้านบาท และแปลงบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวปอ จ.ภูเก็ต (ภก.574-578) เนื้อที่ 6,100 ตารางเมตร มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 169.8 ล้านบาท
ส่วนแปลงเล็ก 11 แปลง ใน 9 จังหวัด ประกอบด้วย อ.แม่สาย จ.เชียงราย (ชร.1359) เนื้อที่ 0-3-21 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 3.36 ล้านบาท, อ.แม่จัน จ.เชียงราย (ชร.1469) เนื้อที่ 1-0-75 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท, อ.เมือง จ.แพร่ (พร.1069) เนื้อที่ 0-1-06.70 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 3.3 ล้านบาท, อ.เมือง จ.นครสวรรค์ (นว.680) เนื้อที่ 0-3-48 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 10.9 ล้านบาท,
อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี (อน.96) เนื้อที่ 0-3-31 มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 3.3 ล้านบาท, อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร เนื้อที่ 2-2-70 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 9.8 ล้านบาท, อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ เนื้อที่ 1-2-63 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำ 12.6 ล้านบาท, อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา (สข.1181) เนื้อที่ 0-0-67.6 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 3.8 ล้านบาท, อ.ควนเนียง จ.สงขลา (สข.1178) เนื้อที่ 0-0-23 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 0.8 ล้านบาท, อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช (นศ.48) เนื้อที่ 0-1-29 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 0.9 ล้านบาท และอ.เมือง จ.ตรัง (ตง.858) เนื้อที่ 0-0-65.70 ไร่ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท
ส่วนที่ราชพัสดุในเชิงเศรษฐกิจที่มีความพร้อมประมูลอีก 1 แปลง คือ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ มูลค่าที่ดินราว 687 ล้านบาท ได้เริ่มให้ผู้สนใจเข้ามารับใบเสนอราคาและเอกสารประกอบการประมูลแล้ว ตั้งแต่ 9 ม.ค.-9 ก.พ.60 และกำหนดให้ยื่นซองประมูลในวันที่ 9 มี.ค.60
"เรากำหนดมูลค่าโครงการขั้นต่ำที่จะต้องพัฒนาบนที่ดินไว้ด้วย นอกเหนือจากเสนอราคาผลตอบแทนเข้ารัฐ ซึ่งเราจะพิจารณาจากสองส่วนควบคู่กันไป ไม่ใช่เอาที่ดินไปเฉย ๆ แล้วไม่ได้นำไปพัฒนา ส่วนรูปแบบโครงการก็ขึ้นกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่"นายจักรกฤษฎิ์ กล่าว
นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า การเปิดประมูลหาผู้ลงทุนในที่ราชพัสดุซึ่งเป็นที่ดินที่มีศักยภาพนี้ ยังเป็นการขยายฐานกลุ่มนักลงทุนให้เข้าร่วมเสนอโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุในรูปแบบและแนวคิดที่หลากหลายมากขึ้น อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ภาครัฐในการพัฒนาประเทศต่อไป โดยคาดว่ามูลค่าของการประมูลที่ราชพัสดุทั้ง 15 แปลงนี้ จะมีมูลค่าการลงทุนพัฒนาโครงการบนที่ดินดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 1,400-1,500 ล้านบาท โดยหลังจากเปิดให้นักลงทุนมายื่นซองประมูลในวันที่ 25 เม.ย.60 แล้ว คาดว่าจะสามารถคัดเลือกเอกชนผู้ลงทุนได้ในเดือน ก.ค.60
“การเปิดประมูลคราวนี้เป็นการเปิดศักราชใหม่ในการเปิดประมูลที่ราชพัสดุ จากเดิมที่เป็นการประมูลเป็นรายแปลง ทำให้ข่าวสารไม่ทั่วถึง แต่ล่าสุดนี้เราจะเปลี่ยนใหม่เป็นการรวบรวมที่ราชพัสดุที่มีความพร้อมและมีศักยภาพมาเปิดประมูลพร้อมกัน เพื่อให้กระจายข่าวได้อย่างทั่วถึง และเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน โดยเดิมเรามี 14 แปลง และสุดท้ายล่าสุดเพิ่มมาอีก 1 แปลง คือที่หัวหิน จ.ประจวบฯ เนื้อที่ 25 ไร่ ซึ่งมีศักยภาพสูงมาก" นายจักรกฤศฏิ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า การเปิดประมูลที่ราชพัสดุในครั้งนี้ได้มีการใช้ราคาประเมินที่ได้มีการจัดทำใหม่ที่ประกาศไปล่าสุด ซึ่งการคำนวณราคาจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดใหม่ โดยผู้สนใจจะต้องเสนอแบบโครงการ ลักษณะโครงการ วัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามศักยภาพของที่ราชพัสดุแต่ละแปลงที่เปิดประมูล
“ที่แต่ละแปลงจะบอกศักยภาพไว้อยู่แล้ว เช่น จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือท่าเรือ หรือเชิงอนุรักษ์ อยู่ที่นักลงทุนจะนำไปลงทุนเพิ่มเติมอย่างไร แต่ต้องรักษาอาคารเดิมไว้ เช่น วังค้างคาว ที่เป็นอาคารอนุรักษ์ แต่ก็มีพื้นที่ใกล้เคียงที่สามารถพัฒนาในเชิงพาณิชย์ เป็นร้านค้า หรือโรงแรมได้" อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ พบว่าพื้นที่ราชพัสดุที่พบว่านักลงทุนให้ความสนใจมากสุด ได้แก่ พื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รองลงมาคือ เกาะกูด จ.ตราด, วังค้างคาว เขตคลองสาน จ.กรุงเทพฯ และท่าเทียบเรืออ่าวปอ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต