นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร ชี้แจงถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.60 โดยมีการปรับเงื่อนไขบางส่วนในเรื่องของจำนวนการหักรายจ่ายจากเดิม 2 เท่า เหลือ 1.5 เท่าว่า มาตรการภาษีดังกล่าวเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีทำนองเดียวกับสิทธิประโยชน์ที่ได้ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 604) พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นมาตรการภาษีของเดิมที่สิ้นสุดไปแล้ว
มาตรการภาษีนี้ เป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายจ่ายที่จ่ายไปเพื่อการลงทุนในทรัพย์สิน โดยให้หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า ให้แก่บริษัทที่มีการจ่ายเงินลงทุนในทรัพย์สินประเภท
- เครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์
- โปรแกรมคอมพิวเตอร์
- ยานพาหนะที่มิใช่รถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง
- อาคารถาวร แต่ไม่รวมที่ดินและที่อยู่อาศัย
โดยทรัพย์สินที่จะนำมาหักรายจ่าย 1.5 เท่า ตามมาตรการภาษีนี้ จะต้องเป็น
- ทรัพย์สินใหม่ที่มีการจ่ายเงินลงทุนในปี 2560 และพร้อมใช้งานภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 เว้นแต่เครื่องจักรและอาคารถาวรจะพร้อมใช้งานหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ก็ได้
- กรณีที่เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้สิทธิหักรายจ่าย 2 เท่าตามมาตรการภาษีของเดิมที่สิ้นสุดไปแล้ว แต่ยังจ่ายเงินลงทุนไม่ครบถ้วนและมาจ่ายต่อในปี 2560 ก็ได้รับสิทธิหักรายจ่าย 1.5 เท่าตามมาตรการภาษีนี้ได้
อย่างไรก็ดี ต้องมีการจัดทำโครงการลงทุนและแผนการจ่ายเงินให้กรมสรรพากรทราบด้วย