นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายฮิโระคิ มิสึมะตะ (Mr. Hiroki Mitsumata) ประธานเจโทร กรุงเทพฯ เข้าพบว่า ได้รับทราบรายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนญี่ปุ่นในไทยในปี 59 ว่า ดัชนีฯ ช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 9 ส่วนดัชนีฯ ช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ 4 และคาดการณ์ว่า ดัชนีฯ ช่วงครึ่งปีแรกปี 60 อยู่ที่ 15 ซึ่งถือว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักธุรกิจญี่ปุ่นค่อนข้างดี
โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และมีความเชื่อมั่นต่อนโยบายการลงทุนในโครงการต่างๆ รวมถึงแผนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)
โอกาสนี้ นายสมคิด ได้เชิญชวนให้นักลงทุนญี่ปุ่นลงทุนตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก (East-West Economic Corridor– EWEC) มากขึ้น โดยนักลงทุนญี่ปุ่นสามารถใช้ประโยชน์จาก EWEC เพื่อขนส่งสินค้าไปยังเวียดนาม ลาว เมียนมา และอินเดียได้ ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่นสามารถเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ และอุตสาหกรรมยาชีวภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ประธานเจโทรได้ฝากให้รัฐบาลช่วยปรับปรุงระบบศุลกากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม กรณีที่สหรัฐฯ ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (TPP) นั้นไม่ได้นำมารวมกับการประเมินดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในครั้งนี้ เพราะได้มีการประเมินก่อนที่นายโดนัล ทรัมป์ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งนายสมคิด มองว่า หากสหรัฐฯ มีแนวคิดใหม่ๆ ที่จะพัฒนาความร่วมมือในกลุ่มต่างๆ เพื่อขยายการค้าการลงทุน ทางรัฐบาลไทยก็พร้อมศึกษาและให้ความร่วมมือ
นายสมคิด เชื่อว่า บทบาทการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในภูมิภาค (RCEP) จะมีความสำคัญมากขึ้น เพราะถือเป็นตลาดที่ใหญ่และเป็นห่วงโซ่การผลิตที่ครบวงจร และเชื่อว่าประเทศในกลุ่มเอเชียจะหันมาสนับสนุนในกลุ่ม RCEP ปมากขึ้น
นายสมคิด เชื่อมั่นว่า ตัวเลขการส่งออกในปี 60 จะขยายตัวเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง แต่ปีนี้รัฐบาลจะเน้นการปฏิรูปมากขึ้น โดยให้ความสำคัญมากกว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจ ส่วนตัวเลขการส่งออกในเดือนล่าสุดที่เป็นบวกนั้นเป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น