SCB EIC คาดศก.ไทยปี 60 ขยายตัว 3.3% จากการใช้จ่ายในประเทศเป็นหลัก ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงตปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 26, 2017 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะขยายตัวได้ 3.3% โดยพึ่งพาการใช้จ่ายภายในประเทศเป็นหลัก โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปี ยังคงเผชิญกับผลกระทบของการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย และเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ที่สร้างความเสียหายต่อรายได้ภาคธุรกิจอีกราว 5 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายในประเทศ โดยประเมินจากรายได้ของกลุ่มผู้ส่งออกและภาคครัวเรือนภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งรายจ่ายของครัวเรือนไทยบางส่วนลดลงหลังจากหมดภาระการผ่อนชำระรถคันแรก และจากภาระภาษีเงินได้ที่ลดลงตามมาตรการลดหย่อนของภาครัฐ ด้านการใช้จ่ายจากภาครัฐก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยคาดว่าการลงทุนในโครงการดังกล่าวในปี 2560 จะมีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากมูลค่าการลงทุนในปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะการเตรียมเบิกจ่ายงบกลางปี 2560 ตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับชุมชนของรัฐบาลอีกกว่า 1.9 แสนล้านบาท ในขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนจะยังเติบโตค่อนข้างน้อย

ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2560 มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้า นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตามด้วยญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นกว่าปี 2559 หากแต่ยังเปราะบาง เนื่องจากปัญหาภาคการเงินของยุโรปและจีน ตลอดจนความไม่แน่นอนในสหภาพยุโรปจากเหตุการณ์ Brexit และการเลือกตั้งในหลายประเทศที่จะตามมา นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และแนวนโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์

ท่าทีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมีความต่างออกไปจากแนวทางที่เคยใช้ในช่วงที่ผ่านมา ในด้านหนึ่งแนวคิดที่จะลดภาษีเงินได้ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภายในประเทศของสหรัฐฯ แต่ในด้านการต่างประเทศ แนวคิดที่สวนทางกับการค้าเสรีมีโอกาสนำไปสู่นโยบายที่น่าจะส่งผลเสียต่อการค้าโลกมากกว่าผลดี

อีไอซี มองในกรณีรุนแรง การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ เช่น การตั้งกำแพงภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 45% ตามที่ได้หาเสียงไว้ อาจนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างประเทศหากเกิดการตอบโต้จากคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะจีน ในกรณีดังกล่าวผลเสียจะเกิดขึ้นกับหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐฯ เอง ขณะที่ไทยก็มีแนวโน้มได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าขั้นกลางของไทยที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของสินค้าที่จีนผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พลาสติกขั้นต้น และไม้ที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

"อีไอซีมองว่า ความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้า เป็นภัยคุกคามสำคัญต่อการส่งออกของไทยในปีนี้ ทั้งที่มีโอกาสฟื้นตัวตามทิศทางราคาน้ำมัน" บทวิเคราะห์ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ