สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมีมติเอกฉันท์ 163 คะแนน เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2560 วงเงิน 1.9 แสนล้านบาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมจัดงบฉุกเฉินช่วยน้ำท่วมภาคใต้ ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยไม่มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ แต่เป็นการพิจารณา 3 วาระรวดในคราวเดียวกัน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้ชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่างพ.ร.บ.ฯว่า รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ 1. ค่าใช้จ่ายตามแผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ จำนวน 115,000 ล้านบาท
2.กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเป็นจำนวนเงิน 15,000 ล้านบาท
3.กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นจำนวน 10,000 ล้านบาท
4.เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเป็นจำนวน 22,921,300 บาท เพื่อสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมาย และ
5.เป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังเป็นจำนวน 27,078,278,700 บาท
รมว.คลัง กล่าวต่อว่า ในปี 2560 คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 59 โดยคาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 3.0-4.0% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการลงทุนภาครัฐ สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดีและมั่นคง อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ระดับ 1.5-2.5% ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน และการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ "จริงๆถ้านับเงินตรงๆที่ลงไปคงทำให้ GDP เพิ่มขึ้น 0.4-0.5% ซึ่งไม่มากเท่าไหร แต่สิ่งที่เราหวังมันไม่ใช่แค่นั้น ไม่ใช่แค่บอกว่า GDP มากขึ้นเพราะเราเติมเงินมากลงไป แต่เราหวังว่าประเทศจะสามารถแข่งขันได้ ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถ้าประเทศร่ำรวยแต่ประชาชนยังยากจน ก็คงไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเห็น เราอยากเห็นประชาชนของเราเองมีความเป็นอยู่ที่ดีสามารถครองชีพได้ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้งบประมาณครั้งนี้ลงไปในกลุ่มจังหวัดมากขึ้น" นายอภิศักดิ์ กล่าว