นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค.59 ได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ดีที่ 6.2% ต่อปี ในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยผลักดันการขยายตัว โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 29.7% ต่อปี สำหรับภาคการผลิตมีสัญญาณที่ดีเช่นกัน จากผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก ทำให้รายได้เกษตรกรที่แท้จริงขยายตัวสูงถึง 16.5% ต่อปี
สำหรับภาวะเศรษฐกิจทั้งปี 59 เติบโตได้ราว 3.2% จากการใช้จ่ายภาครัฐเป็นปัจจัยสนับสนุนและกานบริโภคเอกชนเริ่มฟื้นตัว ขณะที่มองว่าเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปมั่นใจได้ว่าจะขยายตัวดีขึ้น สะท้อนจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอานิสงค์จากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล
สศค. ระบุว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายภาคเอกชนในเดือน ธ.ค.มีสัญญาณทรงตัว ในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยการใช้จ่ายภาคเอกชนสะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ธ.ค.59 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันที่ 0.1% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ขยายตัว 3.4% ทำให้ไตรมาสที่ 4/59 ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.6% ต่อปี
ขณะที่ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในไตรมาส 4/59 ขยายตัว 0.2% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกขยายตัว 1.0% ต่อไตรมาส
สำหรับการใช้จ่ายของรัฐบาลโดยเฉพาะรายจ่ายประจำและลงทุนยังคงขยายตัวดี สะท้อนจากการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุนในเดือนธ.ค.59 ขยายตัวถึง 27.4% และ 29.7% ต่อปี ตามลำดับ และทำให้การเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนในไตรมาสที่ 4/59 (ไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2560) ขยายตัวที่ 35.4% ต่อปี
มูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนธ.ค.59 มีมูลค่า 18.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวที่ 6.2% ต่อปี และเป็นการขยายตัวได้ดีในทุกกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ สินค้าในหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ ทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้า เกษตรกรรม สิ่งทอ แร่และเชื้อเพลิง เป็นสำคัญ และเป็นการส่งออกได้ดีในตลาดหลัก ได้แก่ จีน อาเซียน-9 อินโดจีน เวียดนาม สิงคโปร์ และสหภาพยุโรป ทำให้ในไตรมาส 4/59 มูลค่าการส่งออกขยายตัว 3.8% ต่อปี
ส่วนมูลค่าการนำเข้าขยายตัว 10.3% ต่อปี ทำให้ไตรมาส 4/59 มูลค่าการนำเข้าขยายตัว 6.5% ต่อปี ทั้งนี้ การส่งออกที่สูงกว่าการนำเข้าส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนธันวาคม 59 ยังคงเกินดุลที่ 0.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการเกินดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไตรมาส 4/59 ดุลการค้าเกินดุลที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านการผลิตมีสัญญาณที่ดี สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัว 8.5% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกขยายตัว 6.8% ต่อเดือน โดยขยายตัวทั้งในหมวดพืชผลสำคัญจากข้าวเปลือก ปาล์มน้ำมัน และหมวดประมง ทำให้ในไตรมาสที่ 4/59 ขยายตัวที่ 5.1% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกขยายตัว 9.5% ต่อไตรมาส
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยกลับมาขยายตัวเป็นบวกอยู่ที่ 1.1% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกขยายตัว 6.7 ต่อเดือน โดยเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางได้ดีจากกลุ่มยุโรป อาเซียน และอเมริกา เป็นหลัก
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันที่ระดับ 88.5 และเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 22 เดือน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย และการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนธ.ค.59 ขยายตัวที่ 1.1% และ 0.7% ต่อปี ตามลำดับ ทำให้ไตรมาส 4/59 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 0.7% และ 0.7% ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำที่ 0.8% ของแรงงานรวม และไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 1.0% ของแรงงานรวม ขณะที่ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ณ สิ้นเดือน พ.ย.59 อยู่ที่ระดับ 42.4% ถือว่ายังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60.0%
ทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.59 อยู่ที่ 171.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศเมื่อเทียบกับหนี้ต่างประเทศระยะสั้น ณ เดือนพฤศจิกายน 2559 คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 3.3 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงของเศรษฐกิจไทยในการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้