นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า สำหรับนโยบายในปี 60 EXIM BANK จะเริ่มต้นดำเนินงานตามแผนแม่บท 10 ปี (60-70) โดยมีเป้าหมายจะเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Financial Institution:SFI) ชั้นนำระดับโลกที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทย โดยสอดคล้องกับ Thailand 4.0 แผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (60-64)
ทั้งนี้ แผนแม่บท 10 ปีเป็นผลจากการทำงานของ EXIM BANK ร่วมกับภาครัฐและเอกชน โดยใช้จุดแข็งของ EXIM BANK เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว จากปัจจุบัน EXIM BANK เป็น SFI ที่มีส่วนสนับสนุนรายได้มวลรวมประชาชาติ (Gross National Income:GNI) ของไทยประมาณ 1.0% จะเพิ่มขึ้น 1.5% ในอีก 10 ปีข้างหน้าเป็น 2.5% ของ GNI ช่วยสนับสนุนผู้ส่งออกและการเติบโตของภาคการส่งออกของไทยได้เพิ่มมากขึ้น การส่งเสริมการลงทุนโดยตรงของไทยในต่างประเทศ ตลอดจนการส่งเสริมการจ้างงาน การเสริมสร้างองค์ความรู้ทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการไทย ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมของผู้ประกอบการไทย การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
นายพิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า ในปี 60 เป็นช่วงเวลาการปรับบทบาทองค์กรครั้งใหญ่ของ EXIM BANK โดยจะดำเนินการผลักดันให้เกิดโครงการต้นแบบของการพัฒนารูปแบบการให้บริการประกันการส่งออกผ่านช่องทางใหม่ๆ อาทิ การให้บริการทางออนไลน์ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้ผุ้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME ในการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดค้าปลีกและค้าส่งทั่วโลก
นอกจากนี้ EXIM BANK จะเร่งส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ ทั้งการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกและเงินทุนสำหรับโครงการลงทุนให้แก่นักลงทุนไทยที่มีศักยภาพจะขยายการลงทุนไปต่าปงระเทศ ทั้งการสร้างโรงงานผลิตและการประกอบกิจการการค้าในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะใน CLMV ซึ่ง EXIM BANK กำลังทยอยเข้าไปเปิดสำนักงานตัวแทนเพื่อทำงานร่วมกับไทยแลนด์ทีมในการสนับสนุนการขยายการค้าการลงทุนของไทยในตลาดดังกล่าว
ทั้งนี้ EXIM BANK ได้กำหนด 6 ยุทธศาสตร์หลัก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายระยะยาวตามแผนแม่บท ดังนี้ 1. การส่งเสริมการค้าและการลงทุนด้วยการสร้างความต้องการสินค้าและบริการของไทยในประเทศตลาดหลักและประเทศตลาดใหม่ มุ่งเน้นการสร้างโอกาสการค้าและการลงทุนของไทยในตลาดใหม่ (New Frontier Markets) ซึ่งรวมถึงการบุกเบิกโอกาสการค้าการลงทุนของไทยในตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่มีความต้องการสินค้าและบริการของไทยจำนวนมาก 2. การเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการลงทุนของรัฐและเอกชนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
3. การขยายตลาดรับประกันการส่งออกและลงทุน ด้วยนวัตกรรมบริการประกันและการรับประกันต่อ และการสร้างเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนของไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก 4. การส่งเสริมการค้าและการทำธุรกรรมออนไลน์ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME เข้าสู่โลกการค้าดิจิทัลได้อย่างประสบความสำเร็จและแข่งขันได้ 5. การสนับสนุนด้านความรู้และการเงินให้ SME ที่มีศักยภาพ นำไปพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตสินค้าและการบริการ เพื่อต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยและแข่งขันในเวทีการค้าระหว่างประเทศได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง
และ 6. การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดำเนินงาน โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ที่ทำงานอย่างแข็งขันร่วมกับภาครัฐเป็นไทยแลนด์ทีม